271
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: พนักงานมหาวิทยาลัยไม่ต่อสัญญาจ้าง มีข้อพิพาทยังไม่จบ ให้มาทำงานได้แต่ไม่รู้จะได้เงินเดือนหรือไม่
« เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2020, 04:28:10 pm »
อ่านเรื่องราวแล้วก็น่าอึดอัดไม่น้อย เพราะไม่มีความชัดเจนเลย แต่เชื่อเถอะว่า ทุกปัญหามีทางออกเสมอ
เอาเป็นว่า ผู้ถามเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย และไม่อยู่ภายใต้กฎหมายแรงงาน แต่มีกฎหมายเฉพาะคือพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๕๑ ซึ่งกำหนดให้พนักงานมหาวิทยาลัยมี ๓ ประเภท คือวิชาการ ซึ่งทำหน้าที่สอนและวิจัย , ประเภทผู้บริหาร เช่น อธิการบดี และประเภทวิชาชีพเฉพาะ หรือเชี่ยวชาญเฉพาะ รวมถึงประเภททั่วไปซึ่งแบ่งความเชียวชาญเป็นระดับเชียวชาญและชำนาญงาน ซึ่งพนักงานมหาวิทยาลัยจะได้รับค่าจ้างจากงบประมาณแผ่นดินหรือรายได้จากสถาบันเอง
ซึ่งทนายไม่ทราบว่า ผู้ถามอยู่ในประเภทใด สาย ก. สาย ข. สาย ค. หรือ สาย ง.
แล้วถามมาว่า จะทำงัยดี?
ทนายเห็นว่า เมื่อยังไม่มีความชัดเจนก็ควรจะไปทำงานตามปกติก่อน โดยขอให้มีบันทึกหรือเก็บหลักฐานการไปทำงานไว้ด้วยเผื่อว่าจะต้องนำไปใช้เป็นหลักฐานในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่า จะได้เงินเดือนหรือไม่ ก็ไปลุ้นในวันเงินเดือนออก ถ้าเงินเข้าปกติ ก็ไปทำงานตามปกติต่อไป แต่ถ้าเงินไม่เข้า ก็ค่อยมาแก้ปัญหากันต่อไป ซึ่งก็ต้องตั้งโจทย์ว่า จะไปเรียกร้องสิทธิที่หน่วยงานใด อย่างไร? แล้วค่อยๆพิจารณาทางเลือกให้ดีที่สุด
ซึ่งแน่นอนว่าได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ที่ ๒๙/๒๕๕๙ โดยเป็นกรณีพิพาทระหว่างพนักงานมหาวิทยาลัยนอกระบบแห่งหนึ่ง กับมหาวิทยาลัยนอกระบบแห่งหนึ่ง เพราะทางมหาวิทยาลัยไม่ต่อสัญญาจ้างกับพนักงานมหาวิทยาลัยตามระเบียบของมหาวิทยาลัยทำให้พนักงานมหาวิทยาลัยคนดังกล่าวได้รับความเสียหาย โดยพนักงานมหาวิทยาลัยได้นำเรื่องฟ้องต่อศาลแรงงานแต่ทางมหาวิทยาลัยให้การว่ามีฐานะเป็นราชการส่วนกลางได้รับการยกเว้นไม่ให้นำพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ มาใช้ โดยให้เหตุผลว่าการจ้างเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยนั้นเป็นการจ้างเพื่อสนับสนุนการจัดทำบริการสาธารณะ จึงเป็นสัญญาทางปกครองตาม มาตราสาม แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ จึงอยู่ในอำนาจศาลปกครอง
และการฟ้องศาลปกครองก็ไม่ได้ยากอะไร ขอให้ถือหลักฐานเดินไปพบนิติกรของศาลปกครองได้เลยครับ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งหลักฐานที่ถือไปก็อย่าลืมหลักฐานการไปทำงานตามที่บอกไปข้างต้นด้วย และเรียกค่าจ้างในระหว่างที่ทำงานแล้วไม่ได้เงินด้วย
แต่ทั้งนี้ ต้องภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันที่รู้การละเมิดซึ่งก็คือวันเงินเดือนออกแล้วไม่ได้ตังค์นั่นแหละครับ
ให้กำลังใจครับ
ทนายพร.
เอาเป็นว่า ผู้ถามเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย และไม่อยู่ภายใต้กฎหมายแรงงาน แต่มีกฎหมายเฉพาะคือพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๕๑ ซึ่งกำหนดให้พนักงานมหาวิทยาลัยมี ๓ ประเภท คือวิชาการ ซึ่งทำหน้าที่สอนและวิจัย , ประเภทผู้บริหาร เช่น อธิการบดี และประเภทวิชาชีพเฉพาะ หรือเชี่ยวชาญเฉพาะ รวมถึงประเภททั่วไปซึ่งแบ่งความเชียวชาญเป็นระดับเชียวชาญและชำนาญงาน ซึ่งพนักงานมหาวิทยาลัยจะได้รับค่าจ้างจากงบประมาณแผ่นดินหรือรายได้จากสถาบันเอง
ซึ่งทนายไม่ทราบว่า ผู้ถามอยู่ในประเภทใด สาย ก. สาย ข. สาย ค. หรือ สาย ง.
แล้วถามมาว่า จะทำงัยดี?
ทนายเห็นว่า เมื่อยังไม่มีความชัดเจนก็ควรจะไปทำงานตามปกติก่อน โดยขอให้มีบันทึกหรือเก็บหลักฐานการไปทำงานไว้ด้วยเผื่อว่าจะต้องนำไปใช้เป็นหลักฐานในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่า จะได้เงินเดือนหรือไม่ ก็ไปลุ้นในวันเงินเดือนออก ถ้าเงินเข้าปกติ ก็ไปทำงานตามปกติต่อไป แต่ถ้าเงินไม่เข้า ก็ค่อยมาแก้ปัญหากันต่อไป ซึ่งก็ต้องตั้งโจทย์ว่า จะไปเรียกร้องสิทธิที่หน่วยงานใด อย่างไร? แล้วค่อยๆพิจารณาทางเลือกให้ดีที่สุด
ซึ่งแน่นอนว่าได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ที่ ๒๙/๒๕๕๙ โดยเป็นกรณีพิพาทระหว่างพนักงานมหาวิทยาลัยนอกระบบแห่งหนึ่ง กับมหาวิทยาลัยนอกระบบแห่งหนึ่ง เพราะทางมหาวิทยาลัยไม่ต่อสัญญาจ้างกับพนักงานมหาวิทยาลัยตามระเบียบของมหาวิทยาลัยทำให้พนักงานมหาวิทยาลัยคนดังกล่าวได้รับความเสียหาย โดยพนักงานมหาวิทยาลัยได้นำเรื่องฟ้องต่อศาลแรงงานแต่ทางมหาวิทยาลัยให้การว่ามีฐานะเป็นราชการส่วนกลางได้รับการยกเว้นไม่ให้นำพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ มาใช้ โดยให้เหตุผลว่าการจ้างเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยนั้นเป็นการจ้างเพื่อสนับสนุนการจัดทำบริการสาธารณะ จึงเป็นสัญญาทางปกครองตาม มาตราสาม แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ จึงอยู่ในอำนาจศาลปกครอง
และการฟ้องศาลปกครองก็ไม่ได้ยากอะไร ขอให้ถือหลักฐานเดินไปพบนิติกรของศาลปกครองได้เลยครับ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งหลักฐานที่ถือไปก็อย่าลืมหลักฐานการไปทำงานตามที่บอกไปข้างต้นด้วย และเรียกค่าจ้างในระหว่างที่ทำงานแล้วไม่ได้เงินด้วย
แต่ทั้งนี้ ต้องภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันที่รู้การละเมิดซึ่งก็คือวันเงินเดือนออกแล้วไม่ได้ตังค์นั่นแหละครับ
ให้กำลังใจครับ
ทนายพร.