706
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: ถูกนายจ้างเอาเปรียบไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่น รบกวนขอคำปรึกษาด้วยค่ะ
« เมื่อ: มิถุนายน 03, 2014, 10:43:59 pm »
สรุปจากการอธิบายได้ความว่า
๑.เป็นพนักงานขายรถยนต์ โดยบริษัทให้ค่าจ้างในจำนวนที่แน่นอนจำนวนหนึ่งและตกลงจ่ายค่าคอมฯให้อีกจำนวน...บาทต่อคัน หากทำยอดได้เกินเป้าที่กำหนด (ในที่นี้ได้กำหนดไว้ ๓ คันต่อเดือน)
๒.บริษัทอ้างว่าส่งเอกสารไม่ครบถ้วนจึงไม่จ่ายค่าคอมฯ
๓ .หากบริษัทเรียกพบและกดดันให้เราลาออกควรจะทำอย่างไร?
ขอตอบอย่างนี้ครับ
๑.การเป็นพนักงานขายรถยนต์ ก็เป็นสัญญาจ้างแรงงานที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาจ้างที่แน่นอน ซึ่งนายจ้างต้องกำหนดอัตราค่าจ้างที่ไม่ต่ำกว่ากฎหมายกำหนด (ในที่นี้คาดว่าจะได้ค่าจ้างไม่น่าถึงเก้าพันบาท เพราะเคยมีญาติทำงานในลักษณะนี้เหมือนกัน) อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากค่าคอมฯแล้ว ไม่เข้าองค์ประกอบของค่าจ้าง แต่เป็นสวัสดิการเพื่อจูงใจให้ทำยอดให้ได้ตามเป้า ดังนั้น เมื่อเป็นข้อตกลงกันในเรื่องของการจ่ายค่าคอมฯแล้ว เมื่อพนักงานทำได้ตามเงื่อนไข (ได้ตามเป้า) พนักงานย่อมมีสิทธิได้รับค่าคอมฯอย่างแน่นอนครับ
๒.บริษัทยกข้ออ้างว่าเราส่งเอกสารไม่ครบถ้วนจึงไม่จ่าย.....ขอตอบอย่างนี้ครับ..
หากบริษัทได้กำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวโดยได้มีการเรียกเราไปรับทราบหรือให้เราเซ็นต์รับทราบเงื่อนใขดังกล่าว ถือว่าเราได้ยอมรับเงื่อนไขนั้น แต่หากว่าเราไม่รู้เงื่อนไขดังกล่าวก็ไม่สามารถมาตัดสิทธิอันพึงได้ของเราได้ครับ ...หากเราไม่รู้มาก่อน จะมาตัดค่าคอมฯเราไม่ได้ครับ
๓.หากบริษัทเรียกตัวและกดดันให้ลาออก ควรทำอย่างไร?...
ก็อยู่ที่เราครับ..จริงๆหากเราไม่เซ็นต์ใบลาออก นิติสัมพันธ์ระหว่างเรา (ลูกจ้าง) กับบริษัท(นายจ้าง) ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป (แต่อาจจะทำงานอย่างลำบากมากขึ้น เช่น ไม่มอบหมายงานให้ทำ)
ดังนั้นอาจจะพูดแบบตรงไปตรงมาเลยว่า หากจะให้เราออกจะให้เงินช่วยเหลือเราเท่าใหร่? หากเราพอใจก็รับไป..หากไม่พอใจก็อยู่เป็นพนักงานต่อไป ซึ่งบริษัทก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้เรา หรือหากบริษัทบอกเลิกจ้างเรา หรือบอกว่า "คุณไม่ต้องมาทำงานอีกแล้วนะ" อย่างนี้ ถือว่าบริษัทได้เลิกจ้างเราแล้วตามนัยแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ ซึ่งนายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงาน(ดูมาตรา ๑๑๘)
และหากเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ก็สามารถเรียกค่าเสียหายได้อีกครับ รวมทั้งหากมีวันหยุดพักผ่อนประจำปีเหลืออยู่ก็มีสิทธิได้รับเงินเท่ากับค่าจ้างทั้งหมดด้วย และหากนายจ้างบอกเลิกจ้างไม่ถูกต้องก็ยังมีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าอีกครับ(หรือที่เรียกว่าค่าตกใจ)
หรือหากยังสงสัยประการใดก็สามารถโทรสอบถามได้ครับ
๑.เป็นพนักงานขายรถยนต์ โดยบริษัทให้ค่าจ้างในจำนวนที่แน่นอนจำนวนหนึ่งและตกลงจ่ายค่าคอมฯให้อีกจำนวน...บาทต่อคัน หากทำยอดได้เกินเป้าที่กำหนด (ในที่นี้ได้กำหนดไว้ ๓ คันต่อเดือน)
๒.บริษัทอ้างว่าส่งเอกสารไม่ครบถ้วนจึงไม่จ่ายค่าคอมฯ
๓ .หากบริษัทเรียกพบและกดดันให้เราลาออกควรจะทำอย่างไร?
ขอตอบอย่างนี้ครับ
๑.การเป็นพนักงานขายรถยนต์ ก็เป็นสัญญาจ้างแรงงานที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาจ้างที่แน่นอน ซึ่งนายจ้างต้องกำหนดอัตราค่าจ้างที่ไม่ต่ำกว่ากฎหมายกำหนด (ในที่นี้คาดว่าจะได้ค่าจ้างไม่น่าถึงเก้าพันบาท เพราะเคยมีญาติทำงานในลักษณะนี้เหมือนกัน) อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากค่าคอมฯแล้ว ไม่เข้าองค์ประกอบของค่าจ้าง แต่เป็นสวัสดิการเพื่อจูงใจให้ทำยอดให้ได้ตามเป้า ดังนั้น เมื่อเป็นข้อตกลงกันในเรื่องของการจ่ายค่าคอมฯแล้ว เมื่อพนักงานทำได้ตามเงื่อนไข (ได้ตามเป้า) พนักงานย่อมมีสิทธิได้รับค่าคอมฯอย่างแน่นอนครับ
๒.บริษัทยกข้ออ้างว่าเราส่งเอกสารไม่ครบถ้วนจึงไม่จ่าย.....ขอตอบอย่างนี้ครับ..
หากบริษัทได้กำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวโดยได้มีการเรียกเราไปรับทราบหรือให้เราเซ็นต์รับทราบเงื่อนใขดังกล่าว ถือว่าเราได้ยอมรับเงื่อนไขนั้น แต่หากว่าเราไม่รู้เงื่อนไขดังกล่าวก็ไม่สามารถมาตัดสิทธิอันพึงได้ของเราได้ครับ ...หากเราไม่รู้มาก่อน จะมาตัดค่าคอมฯเราไม่ได้ครับ
๓.หากบริษัทเรียกตัวและกดดันให้ลาออก ควรทำอย่างไร?...
ก็อยู่ที่เราครับ..จริงๆหากเราไม่เซ็นต์ใบลาออก นิติสัมพันธ์ระหว่างเรา (ลูกจ้าง) กับบริษัท(นายจ้าง) ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป (แต่อาจจะทำงานอย่างลำบากมากขึ้น เช่น ไม่มอบหมายงานให้ทำ)
ดังนั้นอาจจะพูดแบบตรงไปตรงมาเลยว่า หากจะให้เราออกจะให้เงินช่วยเหลือเราเท่าใหร่? หากเราพอใจก็รับไป..หากไม่พอใจก็อยู่เป็นพนักงานต่อไป ซึ่งบริษัทก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้เรา หรือหากบริษัทบอกเลิกจ้างเรา หรือบอกว่า "คุณไม่ต้องมาทำงานอีกแล้วนะ" อย่างนี้ ถือว่าบริษัทได้เลิกจ้างเราแล้วตามนัยแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ ซึ่งนายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงาน(ดูมาตรา ๑๑๘)
และหากเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ก็สามารถเรียกค่าเสียหายได้อีกครับ รวมทั้งหากมีวันหยุดพักผ่อนประจำปีเหลืออยู่ก็มีสิทธิได้รับเงินเท่ากับค่าจ้างทั้งหมดด้วย และหากนายจ้างบอกเลิกจ้างไม่ถูกต้องก็ยังมีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าอีกครับ(หรือที่เรียกว่าค่าตกใจ)
หรือหากยังสงสัยประการใดก็สามารถโทรสอบถามได้ครับ