25/04/24 - 11:53 am


ผู้เขียน หัวข้อ: ถูกบังคับให้เซ็นใบลาออกค่ะ  (อ่าน 2190 ครั้ง)

pattarada.p

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
ถูกบังคับให้เซ็นใบลาออกค่ะ
« เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2020, 10:47:14 am »
เรียนท่านทนายพร

ดิฉันทำงานเป็นพนักงานขาย(Salesman)อยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ และเมื่อทำงานครบ 90 วัน ทาง HR ก็ดำเนินการให้ดิฉันพรีเซนท์ผ่านโปรกับผู้บริหาร ซึ่งผลออกมาคือดิฉันผ่านโปรค่ะ หัวหน้าผู้ชายและผู้หญิงให้ดิฉันฉันทำการลงนามบรรจุเป็นพนักงานประจำในวันที่ 29 เมษายน 2563  แต่ยื่นใบใบลาออกให้ดิฉันลงนามด้วย โดยให้เหตุผลว่า เขาและผู้อำนวยการฝ่ายยังไม่รู้สึกมั่นใจในศักยภาพของดิฉันแบบเต็ม100% จึงอยากให้ดิฉันลงนามใบลาออกรอไว้เพื่อเป็นใบการันตีกับผู้อำนวยการฝ่ายว่าหาก 2 เดือนผ่านไปและผลงานไม่ดีขึ้น ดิฉันเต็มใจที่จะออกในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เอง แต่ดิฉันไม่ประสงค์จะลงนามค่ะ เพราะเห็นว่าเหตุผลฟังดูไม่ชอบมาพากล ดูแปลกๆ หากไม่มั่นใจในศักยภาพดิฉัน แล้วจะให้ฉันลงนามรับทราบบรรจุเป็นพนักงานประจำไปทำไม และทางหัวหน้าผู้ชายและผู้หญิงของดิฉันแจ้งว่าจริงๆแล้วพวกเขาและผู้อำนวยการมีการพูดคุยกันว่านำคนของอีกแผนกมาทำหน้าที่แทนดิฉัน แต่ติดตรงที่หัวหน้าผู้หญิงของดิฉันไม่ต้องการเพราะจะเป็นการเริ่มนับหนึ่งใหม่ เพราะต้องมาสอนใหม่ทั้งหมด แบบนี้แสดงว่าพวกเขามีการคิดและไตร่ตรองกันมาก่อนแล้วล่วงหน้า

วันที่ 30 เมษายน 2563 ดิฉันได้ไปสอบถามกับทาง HR เบื้องต้นว่าหากดิฉันลงนามบรรจุเป็นพนักงานประจำแล้ว แต่แฟ้มนั้นยังไม่ถูกดำเนินการมาถึงมือฝ่าย HR ถือว่าดิฉันได้บรรจุแล้วหรือไม่ ทาง HR แจ้งว่าหากดิฉันลงนามแล้วก็ถือว่าได้บรรจุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันนั้น เพราะเอกสารที่ออกมาให้ดิฉันลงนามจะมี Running No. อยู่

หลังจากนั้นวันที่ 4 พฤษภาคม 2563 ทางหัวหน้าผู้หญิงและผู้ชายของดิฉันได้เข้าไปเจรจากับทางผู้อำนวยการฝ่ายอีกทีเกี่ยวกับเรื่องของดิฉัน แต่ดิฉันไม่ทราบเนื้อหาที่พวกเขาคุยกัน หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จ ทางหัวหน้าผู้หญิงและพี่ที่ทำงานที่เป็นผู้หญิงอีกคนก็พยายามมาเกลี้ยกล่อมตะล่อมให้ดิฉันลงนามใบลาออก โดยอ้างว่าหากดิฉันไม่ยอมลงนามใบลาออก ที่ดิฉันลงนามบรรจุเป็นพนักงานประจำไปว่าเงินเดือนจะขึ้นและได้รับค่าคอมมิชชั่นนั้นก็จะไม่ได้รับ เพราะดิฉันไม่ยอมลงนามใบลาออก ซึ่งมันไม่เกี่ยวข้องกันเลย ดิฉันก็ถามอีกทีว่าที่ให้ดิฉันลงนามบรรจุเป็นพนักงานประจำไปนั้นตกลงดิฉันได้บรรจุจริงๆแล้วหรือยัง ทางหัวหน้าฉันไม่ตอบและพยายามเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น แต่ดิฉันถามอีกที เขาก็ตอบว่า ได้บรรจุแล้ว แต่ก็ยังพยายามยัดเยียดให้ฉันลงนามใบลาออกอยู่ ดิฉันเลยแจ้งว่าเดี๋ยวดิฉันขอกลับไปคิดก่อน

วันต่อมาวันที่ 5 มิถุนายน 2563 ทางหัวหน้าผู้หญิงและพี่ที่ทำงานที่เป็นผู้หญิงอีกคนก็มาพยายามให้ฉันลงนามใบลาออกอีก แต่คราวนี้ดิฉันเริ่มรู้สึกไม่พอใจในความยัดเยียดความไม่เป็นธรรมให้ดิฉัน ดิฉันกับทางหัวหน้าและพี่ที่ทำงานอีกคนที่เป็นผู้หญิงเลยมีการพูดคุยกันอารมณ์จริงจังระดับหนึ่งถึงประเด็นนี้ ดิฉันจึงตอบไปว่าดิฉันไม่ประสงค์จะลงนามใบลาออก หากต้องการให้ดิฉันออก ก็ทำเรื่องมา หัวหน้าผู้หญิงของฉันเลยตอบว่า หากเขาบอกว่าดิฉันไม่ผ่านโปรล่ะ เพราะแฟ้มนั้นยังไม่ไปถึงฝ่าย HR ดิฉันเลยแจ้งกลับไปว่าดิฉันได้ปรึกษา HR ถึงกรณีนี้แล้ว ทาง HR แจ้งว่าหากลงนามแล้วก็ถือว่าได้บรรจุแล้ว ทางหัวหน้าดิฉันเงียบและเดินออกจากตรงนั้นทันทีค่ะโดยแสดงสีหน้าและท่าทางที่ไม่พอใจ ดิฉันจึงถามพี่ที่ทำงานที่เป็นผู้หญิงอีกคนว่าหากลูกพี่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้พี่จะให้ลูกพี่ลงนามใบลากออกหรือไม่ เขาเงียบและเดินตามหัวหน้าผู้หญิงออกไปค่ะ

ดิฉันรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และถูกยัดเยียดโดยให้เหตุผลแปลกๆ หากดิฉันออกดิฉันก็เสียหายมากค่ะ ดิฉันมีภาระเยอะแยะค่ะ

รบกวนท่านทนายพรให้คำปรึกษาถึงกรณีที่ดิฉันประสบอยู่ทีค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ


ทนายพร

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 750
    • ดูรายละเอียด
Re: ถูกบังคับให้เซ็นใบลาออกค่ะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 07, 2020, 01:59:36 pm »
อ่านแล้วก็น่าเป็นห่วงในสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงานในอนาคตเหลือเกินว่า คงจะมีแรงกดดันอยู่ไม่น้อย  แต่ก็ชื่นชมในการต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม

เล่ามาเพื่อให้ทนายให้คำแนะนำ 

เอาเป็นว่า สิ่งที่คุณทำนั้น ถูกต้องแล้ว ก็ในเมื่อเราไม่ประสงค์จะลาออก และยังอยากทำงานอยู่ที่นี่ แล้วทำไมจะต้องเขียนใบลาออกด้วยล่ะ มันขัดแย้งกันอยู่ในตัว
เอาล่ะเพื่อลดแรงกดดัน ถ้าจะต้องเซ็นต์จริงๆ ขณะที่เซ็นต์ก็บันทึกเสียงไว้และพูดคุยในทำนองถามว่าให้เซ็นต์ไว้เพื่ออะไร เราไม่ได้ประสงค์จะลาออกนะ ไม่มีผลผูกมัดใช่หรือเปล่า , จะเอาใบลาออกไปทำอะไร หรือข้อความที่มีลักษณะถูกกดดัน ข่มขู่ให้ต้องยินยอมเซ็นต์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานว่าเราถูกกดดัน ในขณะที่เรายังเป็นลูกจ้างและเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ หากขัดขืนเกรงว่าจะไม่ได้ทำงานหรือถูกกลั่นแกล้ง เพราะเอาไว้เป็นหลักฐานในอนาคตกรณีที่บริษัทยกเรื่องใบลาออกมาอ้าง

ส่วนในระหว่างนี้ ก็ไปทำงานตามปกติครับ ปรับโหมดจิตใจในอยู่ในสภาพปกติ ถึงแม้จะมีความว้าวุ่น กังวลอยู่ก็ตาม พยายามชนะใจตนเองให้จงได้ พบเจอหัวหน้าก็ทำเสมือนว่าไม่เคยมีเหตุการณ์นี้ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  ทนายคิดว่าเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่งครับ

แต่ถ้าเจ้านายไม่โอเค  จะเลิกจ้างโดยอ้างเรื่องไม่ผ่านการประเมิน ก็ไปต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งแน่นอนว่า ค่าชดเชยมีแน่ ส่วนจะได้ค่าเสียหายหรือไม่ต้องดูสาเหตุแห่งการเลิกจ้างเป็นสำคัญ ถ้าบอกว่าไม่ผ่านโปร ก็ต้องมาดูหลักเกณฑ์การประเมินล่ะว่าเป็นธรรมหรือไม่ มีการกลั่นแกล้งหรือไม่ ก็คงต้องสู้กันซักตั้งล่ะครับ

ให้กำลังใจครับ

ทนายพร.