29/03/24 - 00:16 am


ผู้เขียน หัวข้อ: การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากชายชู้หรือหญิงชู้  (อ่าน 106221 ครั้ง)

ทนายพร

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 750
    • ดูรายละเอียด
ปัจจุบันมีการนอกใจภรรยาและนอกใจสามีเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้การดำเนินคดีกับชายชู้หรือหญิงชู้หรือเมียน้อยนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 ได้คุ้มครองสิทธิของคู่สมรสเพียงฟ้องเรียกค่าทดแทนเท่านั้น การฟ้องเรียกค่าทดแทนฟ้องชายชู้หรือเมียน้อยสามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องฟ้องหย่าตาม ป.พ.พ.มาตรา 1523 วรรคสอง 

โดยอายุความในการดำเนินคดีกับชายชู้หรือเมียน้อยต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่รู้หรือควรรู้เกี่ยวกับการมีชู้หรือการล่วงเกินภริยาในทำนองชู้สาว ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1529

แต่ทั้งนี้จะฟ้องให้บังคับภริยาน้อยหรือชายชู้ยุติความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีหรือภรรยาตนเองไม่ได้ เพราะสภาพแห่งคำขอไม่เปิดช่องให้ทำได้และไม่สามารถบังคับได้และจะเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดเป็นรายประเด็น จนกว่าจะยุติความสัมพันธ์ก็ไม่ได้อีกเช่นเดียวกัน

อีกทั้งถ้าเป็นเพียงการแอบได้เสียกันแบบลับๆ ไม่ถือว่าเป็นหญิงชู้หรือเมียน้อยที่จะเรียกค่าทดแทนตามกฎหมายได้ ทั้งนี้มีหลายคดีที่เมียน้อยไปอยู่กินกับสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้อื่น มีการซื้อคอนโดให้ ซื้อบ้านให้ แต่แอบมาลักลอบได้เสียกันถือว่า ไม่มีความผิดตามกฎหมาย ศาลจะถือว่าเป็นการลักลอบได้เสียกันและมักจะยกฟ้อง


ในที่นี้ ชายชู้ หมายถึง การที่ชายไปเป็นชู้กับภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้อื่น โดยมีการล่วงเกินภริยาผู้อื่นไปในทำนองชู้สาว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง ตัวอย่างการเป็นชู้ เช่น ไปกอดจูบลูบคลำภริยาผู้อื่นหรือไปร่วมหลับนอน ร่วมประเวณีกับภริยาผู้อื่น ไม่ว่าจะกระทำในที่ลับ ก็ถือว่าเป็นชู้แล้วตามกฎหมาย
 
หญิงชู้หรือเมียน้อย หมายถึง หญิงไปแสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตัวเองมีความสัมพันธ์กับสามีชาวบ้านในทำนองชู้สาว

ตัวอย่างคดีชู้สาวในชั้นศาลที่น่าสนใจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2535 
จำเลยที่ 2 (เมียน้อย) ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีโจทก์อยู่ร่วมเรือนเดียวกันไปไหนมาไหนด้วยกัน บุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 เห็นทั้งสองคนนอนร่วมเตียงเดียวกัน จำเลยที่ 2 เคยไปบ้านมารดาของจำเลยที่ 1 ในเทศกาลสำคัญ ถือว่าเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ทำนองชู้สาวแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2940/2538
การเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่น ป.พ.พ.มาตรา 1523 วรรคสอง มิได้เขียนไว้ว่า ภริยาต้องฟ้องหย่าสามีก่อน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ โดยไม่ต้องฟ้องหย่าสามี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4818/2551
ภริยาฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภริยาน้อย แม้ไม่ฟ้องหย่าสามี ก็เรียกค่าทดแทนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6851/2537 
แม้โจทก์จะทราบความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวของจำเลยกับนาย อ. สามีโจทก์มาตั้งแต่ปลายปี 2529 ก็ตาม แต่คำฟ้องของโจทก์นั้นเองก็อ้างความสัมพันธ์ของจำเลยกับนาย อ. ฉันสามีภริยาจนมีบุตร 1 คน และในชั้นพิจารณาก็ได้ความว่าความสัมพันธ์ของจำเลยกับนาย อ. ในทำนองชู้สาวยังเกิดขึ้นต่อมามิได้หยุดกระทำและสิ้นไป คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1529

โจทก์เบิกความยืนยันว่าโจทก์ไม่เคยยินยอมให้นาย อ. สามีโจทก์ไปมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับจำเลย และเคยขอร้องให้เลิกเกี่ยวข้องกับจำเลยแต่ นาย อ. ไม่เชื่อฟัง เมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับนาย อ. โจทก์และนาย อ.ได้ทะเลาะโต้เถียงกันแล้วแยกทางกัน พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมแสดงว่าโจทก์ไม่ได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้นาย อ. กับจำเลยมีความสัมพันธ์กันในทำนองชู้สาว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนจากจำเลยได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1523 วรรคสอง ที่ศาลล่างพิพากษาให้ค่าทดแทนแก่โจทก์จำนวน 250,000 บาท ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2538 

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวมาตั้งแต่ปี2518 ตลอดมาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ลักษณะการกระทำของจำเลยที่ 1 ได้กระทำต่อเนื่องกันมายังมิได้หยุดการกระทำคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1529 โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 วรรคสอง ได้ โดยไม่จำต้องคำนึงว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงหย่ากันเอง หรือศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา1516 (1) ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 วรรคแรกหรือไม่

RunionsKeila

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
ตกลงกันได้ก็ไม่ต้องลำลาก ศาล นะครับ

ผมอยู่กินกับหญิงคนหนึ่งแบบสามีภรรยาแต่ไม่จดทะเบียนตั้งแต่ปี2547โดยครอบครัวฝ่ายผมรู้เห็นโดนตลอด ฝ่ายหญิงปกปิดทางบ้าน ปัจจุบันมีเหตุไม่สามารถติดต่อได้ จนติดต่อผ่านเบอร์โทรบริษัทแล้วให้ชายอีกคนมารับสาย บอกให้ผมเลิกติดต่อกับแฟนผมอีก จนมีการท้าให้ผมไปพบที่สน.และลงประจำวันโดยที่ชายอีกคนไม่ระบุในประจำวัน อย่างผมสามารถฟ้องทางแพ่งกับบุคคลทั้งสองได้หรือไม่อย่างไร ฝ่ายพูดว่าอยู่กิน กันแล้ว แต่ฝ่ายชายบอกเพียงเป็แฟนเพิ่งคบกัน ไม่กล้าพูดให้เหมือนกัน ทำยังไงได้บ้างครับ

ทนายพร

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 750
    • ดูรายละเอียด
ในทางกฎหมาย การที่จะเป็นสามี-ภรรยากันได้ ต้องมีหลักฐานทางทะเบียน นั่นก็คือทะเบียนสมรสนั่นเอง

กรณีของคุณนั้น ในทางกฎหมายยังไม่ถือว่าเป็นสามี-ภรรยา กันนะครับ

ถึงแม้ข้อเท็จจริงคุณจะอยู่กินด้วยกันฉันสามี-ภรรยากันมานานอย่างไรก็ตาม ก็มีสถานะเพียง "คู่ชีวิต" แต่ไม่สามารถเป็น "คู่สมรส" ได้นะครับ

เมื่อไม่ได้เป็นสามี-ภรรยากัน เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปมีคนอื่น จึงไม่เข้าองค์ประกอบที่จะไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากชายหรือหญิงที่ไปมีชู้

หรือเอาตรงๆ ก็ ฟ้องไม่ได้ครับ

สิ่งที่จะทำได้คือ.....อืมมม....เมื่อใจไม่อยู่แล้วก็ปล่อยไปตามเวรตามกรรมของแต่ละคนไปครับ (ข้อแนะนำจะออกสายบู้ไปหน่อยป่ะเนี๊ยะ)

ส่วนทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันในระหว่างอยู่กินด้วยกันก็แบ่งกันคนละครึ่ง ถึงแม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรสอันจะทำให้ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกัน เป็น "สินสมรส" แต่ก็อยู่ในฐานะ "หุ้นส่วนชีวิต"  ก็สามารถแบ่งทรัพย์สินได้ 

แล้วก้าวไปข้างหน้า ตามล่าหารักแท้ต่อไปครับ ขอให้โชคดี ให้กำลังใจครับ ...

ทนายพร

ฝากข่าว

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากชายชู้หรือหญิงชู้
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2019, 10:24:22 am »
ขอรบกวนสอบถามเพิ่มเติมได้ไหมคะ

กรณีที่
ฝ่ายชายได้แต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงคนนึง และมีบุตรด้วยกัน 2 คน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่จดรับรองบุตร
ภายหลัง ฝ่ายชายทะเลาะเบาะแว้งกับฝ่ายหญิงและเลิกกันหลายครั้งหลายครา (แต่ก็ไม่ได้ตัดขาดกันกับภรรยา)

จนมาพบผู้หญิงคนใหม่ และจีบ และปิดบังเรื่องภรรยาและบุตร จนตกลงคบหากับผู้หญิงคนใหม่เป็นแฟน เป็นคนรัก และมีความสัมพันธ์กัน
และฝ่ายชายพาฝ่ายหญิงคนใหม่ ไปพบพ่อแม่พี่น้อง และไปกราบไหว้ปูย่าตายาย และแนะนำตัวว่านี่คือแฟน ว่านี่คือคนรัก ที่คบหาและจะแต่งงานกัน
จึงทำให้ฝ่ายหญิงคนใหม่เชื่อได้สนิทใจว่าตนเองคือคนรักและกำลังจะแต่งงานกัน
และฝ่ายชายก็ไปมาหาสู่บ้านพ่อแม่ของฝ่ายหญิงคนใหม่อยู่ตลอดเวลา ในฐานะคนรักของลูกสาว

วันนึง มีผู้หญิง(ภรรยาที่มีบุตรด้วยกันของผู้ชาย) และพรรคพวก มาระรานผู้หญิงคนใหม่
และบอกว่า เป็นภรรยาของผู้ชาย และขู่เรียกเอาเงินจากผู้หญิงคนใหม่ เป็นจำนวนหลักแสน อ้างว่าถ้าไม่ยินยอมจ่ายจะฟ้องร้องและจะก่อกวนให้เดือดร้อนถึงที่ทำงานถึงพ่อแม่
และจะฟ้องร้องเรียกค่าทดแทนที่ไปยุ่งกับสามีของเขา
แต่หากยอมจ่ายเงินให้จำนวนหลักแสนตามที่เรียกมา ก็จะจบ จะไม่ก่อกวนอีก

เหตุการณ์เช่นนี้ ในฐานะผู้หญิงคนใหม่ ที่ไม่ได้รับรู้ว่าฝ่ายชายมีภรรยาและบุตรมาก่อน จะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างคะ กับกรณีที่ถูกเรียกเอาเงินและขู่จะฟ้องร้องแบบนี้ค่ะ

ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

Mixer192705

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
ขอสอบถามครับ ผมกับภรรยาจดทะเบียนกันถูกต้องตามกฎหมาย และมีลูกด้วยกัน 1 คน อยู่กินด้วยกันมา 5 ปี ตอนนี้ภรรยาผมแอบมีแฟนใหม่ เป็นชาวต่างชาติ เขาทั้ง2คนตกลงเรียกกันว่าแฟน เขาคุยกันบอกรักกันเหมือนคู่รักทั่วไป แต่ยังไม่รู้ว่าเคยร่วมหลับนอนด้วยกันหรือเปล่า ซึ่งชายคนนั้นก็รู้ว่า เธอมีลูกมีสามีแล้ว แต่ไม่ยอมหยุด ตอนนี้สิ่งที่เกิดมันทำให้ผมได้รับผลกระทบทางจิตใจมาก ผมควรทำอย่างไร หรือผมสามารถเรียกร้องอะไรได้ไหมครับ

ทนายพร

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 750
    • ดูรายละเอียด
อ่านแล้วก็น่าเห็นใจครับ

แต่เพียงเท่าที่เล่ามานี้ ยังไม่เข้าองค์ประกอบกับคำว่า "ชู้"

เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ในทางชู้สาว หรือมีหลักฐานมาทั้งคู่ร่วมหลับนอนกันแล้ว จะอาศัยเพียงข้อความบอกรักกันเท่านี้ ยังไม่เพียงพอที่จะนำไปฟ้องร้องได้

เอาเป็นว่า เรื่องนี้ต้องคุยกับภรรยาเราให้เข้าใจ ด้วยความอดทน และหากไปต่อกันไม่ได้แล้วก็คงต้องทางใครทางมันตามลิขิตฟ้ากำหนดแล้วละครับ

ให้กำลังใจนะครับ

ทนายพร.

ผู้ชายคนหนึ่ง

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
เคสของผม ยังไม่จดหย่าทะเบียนสมรส แต่ตอนนี้ผู้หญิงแต่งงานใหม่กับชายอื่น(มีรูปภาพงานแต่ง) แล้วมีข่าวว่าท้องมีลูกด้วย  แบบนี้พอเอาผิดชู้ได้ไหมครับ

มโนธรรม

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 201
    • ดูรายละเอียด
คู่สมรส
  คงเอาผิดกับชายชู้ได้  ฎีกา  ที่ท่าน ทนายพร ยกมาข้างต้น  ลองอ่านดูอีกที   ครับ