25/04/24 - 20:15 pm


ผู้เขียน หัวข้อ: ถูกนายจ้างเอาเปรีบยไม่จ่ายค่าคอมรบกวนขอคำปรึกษาด้วยค่ะ  (อ่าน 13708 ครั้ง)

art

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีค่ะมีเรื่องอยากขอคำปรึกษาค่ะ คือเรื่องมีอยู่ว่า ได้เป็นพนักงานขายรถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่งชึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคม2557ที่ผ่านมาบริบัทได้มีเคมเปญเพื่อเร่งยอดขายในเดือนชึ่งได้กำหนดให้พนักงานทำยอดขายในแต่ละเดือนไม่น้อยกว่า3คันต่อเดือนชึ่งเดือนนี้ดิฉันขายได้10คันซึ่งเกินเป้าที่บริษัทต้งไว้และได้เกิดเหตุการขึ้นคือบริษัทต้องเร่งตกแต่งรถมากกว่าปกติเพื่อให้ทันส่งมอบตามกำหนดวันที่ลูกค้าออกรถชึ่งแต่ละรายออกรถใกล้สินเดือนเยอะและทำให้บริบัทต้องงานยุ้งและได้มีพนักงานฝ่ายบริหารโทรมต่อว่าพนักงานขาย ว่าขายเก่งนักเหรอขายเยอะกว่าคนอื่นใช่ไหมงั้นไม่ต้องเอาค่าคอมมิตชั่นบริษัทไม่จ่าย ด้วยเหตุผลที่แจ้งไม่จ่ายคือ พนักงานขายเร่งให้ทาบริษัทตกแต่งรถยนต์เร่งตกแต่งรถเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าและ2ส่งเอกสารไม่ครบในการจัดชุดหลังการส่งมอบแต่เอกสารหลังที่ต้องใช้ในการสรุปยอดจำหน่ายของบริษัทและค่าคอมนั้นได้ครบทุกคันขาดแต่ใบประเมินความพึงพอใจของลูกค้าเท่านั้นและเมือก่อนใบประเมินนี้ไม่ได้มีมากับชุดส่งมอบเพิ่งมาเริ่มใช้ตอนต้นเดือนและทางบริบัทก็ไม่ได้แจ้งว่าถ้าเอกสารชุดนี้ไม่ครบจะไม่จ่ายค่าคอมใหหรือยึดเงินค่าคอมปกติทุกครั้งถ้าเอกสารตัวไหนไม่ครบสามารถส่งตามทีหลังได้แต่คราวนี้ค่าคอมมิตชั่นเยอะกว่าทุกครั้งที่เคยได้รับทางบริบัทจึงเอาเรื่องเอกสารไม่ครบมาเป็นข้ออ้างในการที่จะไม่จ่ายค่าคอมทั้ง10คันอยากทราบว่าตรงนี้เราสามารถเรียกร้องหรือฟ้องได้ไหมเพราะเราไม่ได้ทำผิดหรือยักยอกเงินบริษัทแต่อย่างใดแต่ทางพนักงานแจ้งว่าเรายักยอกเพราะเราเช็นและติกแบบประเมินความพึงพอใจให้ลูกค้าเฉพาะรายที่ลูกค้าลืมเช็นตอนส่งมอบเท่านั้นแต่ในขั้นตอนการประเมินความพึงพอใจของลูกค้าทางบริษัทได้ตรวจสอบอยู่2แบบคือ 1ให้ลูกค้าเช็นและติกตามแบบฟอรม์ที่ให้วันออกรถ ซึ่งเอกสารนี้เพื่งเริ่มใช้ตอนต้นเดือน นี้2 การโทรสอบถามความพึงพอใจในการบิการลูกค้าของพนักงานขายชึ่งเป็นอันเดียวกันกับที่ลูกค้าเช็นตอนรับรถครั้งแรกและบริษัทได้กำหนดว่าหากบริษัททำการโทรสอบถามลูกค้าแล้วลูกค้าให้ความพึงพอใจในบริการไม่เต็ม10 คะแนนบริษัทจะขอหักเงินคันที่ลูกค้าให้คะแนนไม่เต็ม10 คันละ1000บาทชึง่อันนีได้ใช้มาประมาณ3เดือนแล้วชึ่งไม่ได้แจ้งว่าจะยึดค่าคอมทั้งหมดอย่างนี้เราสามรถเรียกร้องได้ไหมค่ะชึ่งเราก็ทำงานให้บริษัทอย่างเต็มที่เพื่อให้บริษัทมียอดจำหน่ายที่มากขึ้นซึ่งทางบริบัทน่าจะเห็นใจให้เวลาเราเคลียร์เอกสารส่งประมาณ1-2วันชึ่งเอกสารสำคัญที่บริษัทใช้ในการสรุปค่าคอมและการตัดยอดขายในเดือนเราก็ส่งครบแล้วแต่ขาดแค่ใบประเมินความพึงพอใจของลูกค้าเท่านั้นชึเอกสารชชุดที่ขาดนี้ไม่มีผลต่อการคำนวนค่าคอมและการตัดยอดของทางบัญชีเลยแต่ทางบริษัทกลับให้เจ้าหน้าที่โทรมาต่อว่าและแจ้งไม่จ่ายค่าคอมมิตชั่นและได้นัดเข้าไปพบผู้จัดการในอีก2วันเพื่อรับทราบเรื่องที่บริษัทจะไม่จ่ายค่าคอมให้หากบริบัทเอาเรื่องทำเอกสารไม่ครบมาเป็นข้ออ้างในการให้เราลาออกและไม่จ่ายค่าชดเชยและค่าคอมทั้งหมดเราควรทำอย่างไรดีค่ะรบกวนขอคำปรึกษาด้วยค่ะ

ทนายพร

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 750
    • ดูรายละเอียด
สรุปจากการอธิบายได้ความว่า

๑.เป็นพนักงานขายรถยนต์ โดยบริษัทให้ค่าจ้างในจำนวนที่แน่นอนจำนวนหนึ่งและตกลงจ่ายค่าคอมฯให้อีกจำนวน...บาทต่อคัน หากทำยอดได้เกินเป้าที่กำหนด (ในที่นี้ได้กำหนดไว้ ๓ คันต่อเดือน)

๒.บริษัทอ้างว่าส่งเอกสารไม่ครบถ้วนจึงไม่จ่ายค่าคอมฯ

๓ .หากบริษัทเรียกพบและกดดันให้เราลาออกควรจะทำอย่างไร?

ขอตอบอย่างนี้ครับ

๑.การเป็นพนักงานขายรถยนต์ ก็เป็นสัญญาจ้างแรงงานที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาจ้างที่แน่นอน ซึ่งนายจ้างต้องกำหนดอัตราค่าจ้างที่ไม่ต่ำกว่ากฎหมายกำหนด (ในที่นี้คาดว่าจะได้ค่าจ้างไม่น่าถึงเก้าพันบาท เพราะเคยมีญาติทำงานในลักษณะนี้เหมือนกัน) อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากค่าคอมฯแล้ว ไม่เข้าองค์ประกอบของค่าจ้าง แต่เป็นสวัสดิการเพื่อจูงใจให้ทำยอดให้ได้ตามเป้า ดังนั้น เมื่อเป็นข้อตกลงกันในเรื่องของการจ่ายค่าคอมฯแล้ว เมื่อพนักงานทำได้ตามเงื่อนไข (ได้ตามเป้า) พนักงานย่อมมีสิทธิได้รับค่าคอมฯอย่างแน่นอนครับ


๒.บริษัทยกข้ออ้างว่าเราส่งเอกสารไม่ครบถ้วนจึงไม่จ่าย.....ขอตอบอย่างนี้ครับ..

หากบริษัทได้กำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวโดยได้มีการเรียกเราไปรับทราบหรือให้เราเซ็นต์รับทราบเงื่อนใขดังกล่าว ถือว่าเราได้ยอมรับเงื่อนไขนั้น แต่หากว่าเราไม่รู้เงื่อนไขดังกล่าวก็ไม่สามารถมาตัดสิทธิอันพึงได้ของเราได้ครับ ...หากเราไม่รู้มาก่อน จะมาตัดค่าคอมฯเราไม่ได้ครับ

๓.หากบริษัทเรียกตัวและกดดันให้ลาออก ควรทำอย่างไร?...

ก็อยู่ที่เราครับ..จริงๆหากเราไม่เซ็นต์ใบลาออก นิติสัมพันธ์ระหว่างเรา (ลูกจ้าง) กับบริษัท(นายจ้าง) ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป (แต่อาจจะทำงานอย่างลำบากมากขึ้น เช่น ไม่มอบหมายงานให้ทำ)

ดังนั้นอาจจะพูดแบบตรงไปตรงมาเลยว่า หากจะให้เราออกจะให้เงินช่วยเหลือเราเท่าใหร่? หากเราพอใจก็รับไป..หากไม่พอใจก็อยู่เป็นพนักงานต่อไป ซึ่งบริษัทก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้เรา หรือหากบริษัทบอกเลิกจ้างเรา หรือบอกว่า "คุณไม่ต้องมาทำงานอีกแล้วนะ" อย่างนี้ ถือว่าบริษัทได้เลิกจ้างเราแล้วตามนัยแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ ซึ่งนายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงาน(ดูมาตรา ๑๑๘)

และหากเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ก็สามารถเรียกค่าเสียหายได้อีกครับ รวมทั้งหากมีวันหยุดพักผ่อนประจำปีเหลืออยู่ก็มีสิทธิได้รับเงินเท่ากับค่าจ้างทั้งหมดด้วย และหากนายจ้างบอกเลิกจ้างไม่ถูกต้องก็ยังมีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าอีกครับ(หรือที่เรียกว่าค่าตกใจ)

หรือหากยังสงสัยประการใดก็สามารถโทรสอบถามได้ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 30, 2014, 01:40:59 pm โดย ทนายพร »

mincenterz

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
เป็นข้อมูลที่ดีเป็นอย่างมากเลยครับ

SanimyRone

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
เราเป็นคนไม่ชอบเลยเวลานายจ้างเอาเปรี่ยบ ขอให้คิดในสิ่งที่หวังไว้ละกันนะคะ