ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย => ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย => ข้อความที่เริ่มโดย: Prapapun ที่ ตุลาคม 04, 2021, 07:53:06 pm
-
คุณทนายคะ ดิฉันอยากสอบถาม ว่าพี่ชายได้นำเงินที่มีไปปล่อยกู้ แต่ลูกหนี้ไม่ชำระเงินเลย บางรายชำระเดือน 2 เดือน แล้วหายเงียบเลยจนไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่ทราบว่าทำอะไรกับลูกหนี้ได้บ้างคะ ไม่มีสัญญา มีแต่แชตไลน์ (จำพวกโอนไว) สลิปการโอนก็หายไปบ้างแล้ว มีเก็บคลิปเสียง การโทรมาขอยืมเงิน รวมๆ หลายราย เป็นหลายล้าน ผ่านมา 4-5 ปี ตอนนี้พี่ชายใช้ชีวิตอย่างลำบากมาก จะมีวิธี จัดการกับพวกลูกหนี้พวกนี้บ้างไหม สามารถฟ้องได้ไหมคะ สัญญาไม่มี การเซ็นอะไรก็ไม่มี ลูกหนี้บางรายไปอยู่ต่างประเทศ บางรายใช้ชีวิตปกติ แต่ไม่ใช้ แต่เจ้าหนี้ ใช้ชีวิตลำบาก ที่ดินของเจ้าหนี้ ที่มีไม่รู้จะโดนยึดเมื่อไหร่ เพราะได้นำไปขอกู้ และนำเงินเอามาปล่อยกู้ หวังกินดอกเบี้ย ตอนนี้พี่ชายแย่มาก ตอนนี้คิดได้ว่าไม่น่าทำเลย ก็สายไปแล้ว
-
การกู้ยืมเงิน
โดยหลักการกู้ยืมเงินเกินกว่าสองพันบาท ต้องมีหลักฐานการกู้ยืมเงิน (พูดง่ายๆต้องมีสัญญากู้ยืมฯ ลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญ) จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ตาม ปพพ. ม.653...แต่ในสังคมยุคใหม่ มีการกู้ยืมกันทางโลกออนไลน์ฯ ก็มีช่องทางที่จะฟ้องร้องเรียกเงินคืนได้ ตาม พรบ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 เช่น ตาม ม.9 แม้ไม่มีการลงลสยมือชื่อในเอกสาร แต่การติดต่อสื่อสารออนไลน์ ถือว่ามีการลงลายมือชื่อแล้ว เป็นต้น ม.11 ก็ระบุชัดห้ามปฏิเสธการรับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ฯ เป็นต้น ด้วยหลักาารของกฎหมายที่อ้างถึง พี่ชายของคุณจึงมีช่องทางฟ้องร้องเรียกเงินคืนได้ (ภายในอายุความ 10 ปี)...การดำเนินการควรให้ทนายความช่วยเหลือดำเนินการให้ เพราะการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน และคำฟ้อง ควรใช้มืออาชีพ จะมั่นคงและเห็นข้อดีข้อด้อยของรูปคดี ก็ตกลงเจรจาค่าใช้จ่ายกันให้ชัดเจน ครับ
อีกช่องทางหนึ่ง ที่ขอแนะนำคือการ ไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ก็ให้พี่ชายไปที่ศาลฯ เล่าข้อเท็จจริงและแจ้งความจำนงขอให้มีการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ในการเชิญลูกหนี้มาเจรจา น่าจะมีข้อตกลงที่เหมาะสม หรือมีช่องทางเรียกเงินคืนได้ โดยไม่ต้องมีการฟ้องร้อง....การไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ไม่มีค่าใช้จ่ายฯ ดำเนินการภายในการกำกับดูแลของศา่ล เรื่องความบริสุทธิ์ยุติธรรม จึงไม่ต้องกังวล ด้วยความปรารถนาดี ครับ
-
อ่านแล้วก็น่าเห็นใจ ก็อย่างว่าล่ะครับ เท่าที่ทนายเคยประสพพบเจอมาธุรกิจการปล่อยเงินกู้แบบ "บ้านๆ" ไม่มีรายใหนรอดซักราย หากไม่โหดจริงอยู่ไม่ได้ครับ ขาดทุนทุกราย ตอนมากู้มายืมสารพัดปัญหาความเดือดร้อน พร้อมรับปากรับคำว่าจะใช้คืนเมื่อนั้นเมื่อนี้ พอถึงเวลาก็หายต๋อม ไปถวงก็จะหาว่าไปทาง ผิดใจกันอีก ไม่ทวงก็ไม่มีทีท่าว่าจะใช้หนี้ ดีไม่ดี มีลูกหนี้หัวหมอไปแจ้งความว่าเราปล่อยเงินกู้เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดอีก ผลก็คือเรามีความผิดอาญา อาจติดคุกได้ อย่างนี้เป็นต้น
ซึ่งผู้ถามก็น่าจะอยู่ในข่ายนี้...
เอาเป็นว่า ทนายให้ข้อแนะนำว่า..ต่อไปหากมีการกู้ยืมเงินกันก็ขอให้มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือไม่ก็ต้องมีข้อความทางไลน์ที่แสดงข้อความที่อ่านแล้วเข้าใจว่ามีการกู้ยืมเงินกันจริง และในการให้เงินกู้นั้น ก็ขอให้ใช้วิธี "โอน" ผ่านบัญชีธนาคาร เพื่อจะได้มีหลักฐานในการฟ้องร้องหากท้ายที่สุดมีการเบี้ยวหนี้กัน
ส่วนเครสนี้ ก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเท่าที่มี ในรายที่พอจะฟ้องได้ ทั้งข้อความทางไลน์และหลักฐานการโอนเงิน จากนั้นอาจจะต้องอาศัยทนายความให้ช่วยออกหนังสือ "บอกกล่าวทวงถามและยกเลิกสัญญา" จากนั้น ก็ดำเนินการฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.๒๕๔๔ ก็พอจะแก้ปัญหาได้ ส่วนท้ายที่สุดจะได้เงินคืนหรือไม่ก็อยู่ที่ลูกหนี้จะมีทรัพย์สินให้ยึดอายัดหรือไม่เท่านั้น
หากไม่มีทรัพย์ให้ยึด ก็อาจจะเจ็บช้ำน้ำใจซ้ำสองจากค่าฤชาธรรมเนียมศาลและค่าทนายความ ที่จะต้องเสียเงินเพิ่มไป แล้วได้คำพิพากษามานอนกอดแทนละคร๊าบบบบ
พิจารณาและเอาใจช่วยนะครับ
ทนายพร.