ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย => ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย => ข้อความที่เริ่มโดย: Thana89 ที่ สิงหาคม 28, 2020, 10:09:28 pm
-
ผมซื้อทาวน์โฮมในโครงการแห่งหนึ่ง ตอนซื้อผมเข้าใจว่าทางโครงการจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งบริเวณในโครงการ เพราะในโบชัวร์เขียนว่า "มีระบบความปลอดภัย รปภ. CCTV ตลอด24ชั่วโมง" (ไม่มี*ต่อท้ายข้อความ) และในเว็บทางการของโครงการในหมวดหมู่สิ่งอำนวยความสะดวก หนึ่งในนั้นมีสัญญาลักษณ์กล้องและเขียนด้านล่างว่าCCTV ซึ่งเหตุผลนึงในการตัดสินใจซื้อทาวน์โฮมหลังนี้ ต่อมาเหลือเวลาอีก4เดือนโครงการจะจัดตั้งนิติฯ ผมเลยสอบถามโครงการเรื่อง CCTV. ทำไมยังไม่ติดตั้งสักที ซึ่งคำตอบที่ได้คือโครงการได้ติดตั้งกล้องแล้วตรงป้อมรปภ.หน้าโครงการบันทึกภาพทางเข้า-ออก รวม2ตัว และถ้ามีความต้องการติดกล้องเพิ่ม ให้แจ้งความต้องการนี้แก่นิติฯบุคคลที่กำลังจะมีการจัดตั้งต่อไป ซึ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกหลอกและเหมือนโครงการกำลังปัดความรับผิดชอบ ผมจึงอยากสอบถามว่าผมและ/หรือผู้ซื้อคนอื่นๆในโครงสามารถทำอะไรได้บ้างครับ
ขอบคุณครับ
-
ร้อง สคบ. 1166 น่าจะมีทางออกได้
-
การที่จะเรียกร้องเอาผิดกับโครงการนั้น ต้องพิจารณาถ้อยคำตามคำชี้ชวน หรือเอกสารสัญญาเป็นหลัก เพราะประเทศไทยใช้กฎหมายแบบลายลักษณอักษร หมายความว่าจะตีความตามตัวอักษร
ดังนั้น หากนิติบุคคลระบุว่า "มีระบบความปลอดภัย รปภ. CCTV ตลอด24ชั่วโมง" ก็ย่อมตีความได้ว่า โครงการจะต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และติดตั้งกล้องวงจรปิด ส่วนจะมี รปภ.กี่คน มีกล้องวงจรปิดกี่ตัว เมื่อไม่ได้ระบุไว้ ก็ต้องจัดให้มีตามที่ระบุไว้ ก็ถือว่าโครงการได้จัดให้ตามที่ระบุไว้ในโครงการแล้ว เว้นแต่จะมีหลักฐานอื่นที่แสดงได้ว่า จะต้องติดกล้องวงจรปิดทั่วทั้งโครงการ กรณีนี้จึงจะถือว่าโครงการเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือผิดเงือนไข
เมื่อผิดเงื่อนไขผิดสัญญาก็ต้องไปพิจารณาในสัญญาที่ทำกันไว้ว่า แต่ละฝ่ายมีสิทธิและหน้าที่กรณีผิดสัญญากันไว้อย่างไร เช่น ผู้ซ์้อสามารถยกเลิกสัญญาและรับเงินดาวน์คืนได้ ก็ว่ากันไปตามข้อสัญญานั้น
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่า เมื่อโครงการเสร็จสิ้นและมีการตั้งนิติบุคคลขึ้น ก็คงต้องอาศัยนิติฯเป็นผู้ดำเนินการต่อหากเห็นว่ามีความจำเป็นต้องติดกล้องเพิ่ม
หรือถ้าอยากให้โครงการรับผิดชอบ ก็มีอีกวิธีหนึ่งที่น่าจะได้ผล คือให้ผู้ซ์้อรวมตัวกันอย่างน้อยก็ซักครึ่งหนึ่งของผู้ซื้อทั้งหมด ทำหนังสือเสนอข้อเรียกร้อง แล้วไปยื่นต่อเจ้าของโครงการ และใช้เวทีตรงนั้น เจรจาหาข้อยุติ หากไม่ได้ก็ยกระดับการขับเคลื่อนเช่น ร้องศูนย์ดำรงธรรม และหน่วยงานอื่นๆที่อยู่ในพื้นที่เพื่อเป็นคนกลางเพื่อไกล่เกลี่ยหาทางออกร่วมกัน ซึ่งสมัยนี้กล้องวงจรปิดก็ไม่ได้มีราคาแพงอะไรมากมาย ลองวิธีนี้ดูครับ เชื่อว่าได้ผลแน่นอน ทนายเคยใช้วิธีนี้ได้ผลมาแล้ว ลองดูครับ
ขอให้โชคดีครับ
ทนายพร.