03/05/24 - 03:39 am


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ทนายพร

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 50
46
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: ค่าเลี้ยงดู
« เมื่อ: มีนาคม 17, 2022, 03:23:14 am »
เรื่อ่งภายในครอบครัวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและแต่ละกรณีก็จะมีความแตกต่างกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้กำลังให้ก้าวข้ามความลำบากกายใจในครั้งนี้ให้ได้นะครับ

ส่วนข้อกฎหมายที่จะแนะนำ กรณีจะฟ้องชายชู้หรือบุคคลอื่นซึ่งมากระทำละเมิดต่อภรรยาของเรานั้น อย่างแรก ต้องเป็นคู่สามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งหมายถึง ต้องจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องเท่านั้น ซึ่งเครสนี้ก็น่าจะจดทะเบียนสมรสกัน เพราะทนายอ่านเจอคำว่า"หย่า"

เมื่อมั่นใจว่าจะต้องดำเนินการทางกฎหมาย อาจจะต้องใช้บริการนักสืบเอกชน ซึ่งจะมีทีมงานและมีความเชี่ยวชาญในการหาหลักฐานมาส่งให้ได้ แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายพอสมควรนะครับ ซึ่งหลักฐานต้องมีความชัดเจนว่ามีการคบหากันในเชิงชู้สาว เช่น ไปเปิดห้องในโรงแรมแล้วถ่ายภาพทั้งขณะทั้งคู่เดินเข้าและออก หรือข้อมูลการพูดคุยกันในลักษณะบุคคลทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ว่าเป็นไปในลัษณะชู้สาว เป็นต้น ส่วนภาพที่เดินไปซื้อของ จับไม้จับมือ หรืออยู่กันสองต่อสอง ฯลฯ นั้น ศาลยังมองว่าพยานหลักฐานยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นกรณีที่มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวครับ โอกาสที่ศาลจะยกฟ้องก็มีสูงครับ

ส่วนข้อแนะนำก็คือ หากพิจารณาดูแล้วคงไม่สามารถจะไปต่อได้เเล้ว ก็คิดเสียว่าฟ้าได้ขีดเส้นชีวิตให้เคียงคู่กันเท่านี้ และฟ้ากำลังทดสอบคุณว่าคุณจะมีความเข็มแข็งในการนำพาลูกทั้งสองคนไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ และในตัวของคุณเองก็ต้องเชื่อมั่นในตนเองว่าจะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคอันน้อยนิดไปให้ได้ และเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง เพื่ออนาคตของคุณและลูกของคุณละครับ

ในระหว่างนี้ หากฝ่ายหญิงอยากจะมีคนใหม่ เค้าจะต้องติดต่อคุณมา ทีนี้คุณก็จะเป็นต่อแหละ จะไปทำข้อตกลงเรื่องค่าเลี้ยงดูหรือค่าอะไรก็ว่าไป เพราะตราบใดที่คุณยังถือใบทะเบียนสมรสอยู่ อีกฝ่ายก็ไม่สามารถที่จะสมรสซ้อนได้ หรือถ้าฝ่ายหญิงชะล่าใจไปอยู่กินฉันท์สามี-ภรรยากับคนใหม่ ก็เป็นโอกาสทองของคุณที่จะหาหลักฐานได้อย่างง่ายดายเพื่อประกอบการฟ้องชู้เพื่อเรียกค่าเสียหายได้ครับ

ให้กำลังใจครับ

ทนายพร.

 

47
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: คดียา​ 7​ เม็ด
« เมื่อ: มีนาคม 02, 2022, 02:24:39 am »
หากตามพฤติการณ์ เป็นการล่อซื้อ แน่นอนว่า คงถูกตั้งข้อหา ครอบครองมียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ซึ่งมีโทษค่อนข้างสูงมาก

และคงจะเปลี่ยนแปลงข้อหาไม่ได้ เว้นแต่ ชุดจับกุมจะทำบันทึกจับกุมว่า "พบจำเลยท่าทางมีพิรุธ จึงได้ขอตรวจค้นพบยาบ้าในตัว ๗ เม็ด สอบสวนรับว่าเป็นของจำเลยมีไว้เพื่อเสพ" ถ้าอย่างนี้ ก็จะถูกตั้งข้อหาว่า ครอบครองเพื่อเสพละครับ

แต่ถ้าชุดสอบสวนทำบันทึกจับกุมว่า "..มีสายลับรายงานว่า จำเลยเป็นผู้ค้ายาเสพติดประเภท ๑ จึงได้ส่งสายลับไปติดต่อล่อซื้อ โดยได้ทำสำเนาธนบัตร เมื่อถึงเวลานัดหมาย พบจำเลยนำยาเสพติดมาส่งมอบให้กับสายลับ จึงเข้าทำการจับกุม"  ถ้าอย่างนี้ ไม่รอดข้อหา ครอบครองและจำหน่ายแน่นอนครับ

ส่วนอัตราหลักทรัพย์ประกันตัวคดียาเสพติด
หากเป็นข้อหาจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่าย
-ไม่เกิน ๑๕ เม็ด สามแสนห้า
-๑๕-๕๐ เม็ด ห้าแสน
-๕๑-๑๐๐ เม็ด แปดแสน
-๑๐๑-๑๕๐ เม็ด สองล้านบาท หากเกินกว่า ๑๕๐ เม็ด จะเป็นดุลพินิจของศาลที่จะให้ประกันตัวหรือไม่
แต่หากเป็นครอบครองเพื่อเสพ
- ไม่เกิน ๑๐ เม็ด หนึ่งหมื่นบาท
- ๑๑-๑๔.๙ เม็ด สองหมื่นบาท อาจสงสัยว่าไอ้ ๑๔.๙ เม็ดมันยังงัย..ก็ประมาณว่า เม็ดสุดท้ายถูกหักไปครึ่งขา หรือไม่เต็มเม็ดนั่นเเหละ...
ส่วนเสพแล้วขับขี่ หรือเรียกว่าตรวจฉี่ม่วงพบขณะขับรถ จะต้องใช้หลักประกัน ๒ หมื่นบาท

ส่วนที่ถามว่าจะถูกจำคุกกี่ปี?

อืมมม....ทนายไม่ได้เป็นผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีนี้ด้วยซิครับ คงตอบไม่ได้ แต่ในฐานะที่ทำคดียาเสพติดและแนวคำพิพากษาศาลฏีกา (หรือเรียกว่าคดียี่ต้อก) ศาลมักจะลงโทษตามฐานความผิด ปกติหากเป็นครอบครองเพื่อเสพศาลจะลงโทษกระทงละ ๔ ปี รับสารภาพลดโทษให้กึ่งนึงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ คงเหลือ จำคุก ๒ ปี ส่วนจะติดจริงหรือรอลงอาญานั้น อยู่ที่พฤติการณ์ในแต่ละคดี และเทคนิคของทนายความที่ทำคดีให้นะครับ แต่หากเป็นจำหน่ายโทษจะสูงกว่านั้นมากครับ
และแน่นอนว่ามีค่าปรับด้วยแน่นอนครับ เตรียมเงินไปได้เลย หากไม่มีค่าปรับก็ติดคุกแทนการจ่ายค่าปรับครับ

ขอให้โชคดีครับ

ทนายพร.

48
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: คดีขับเสพ
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2022, 03:14:43 am »
ต่อไม่ได้ ก็ไม่ต้องต่อครับ....หยอกๆๆ ;D

เรื่องนี้ ควรจะถามจากกรมการขนส่งทางบก ถึงเหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่ต่อใบอนุญาตขับขี่ให้ เมื่อรู้แล้วก็ไปแก้ทีละเปลาะ  เช่น กรมขนส่งอาจได้รับหนังสือจากศาลว่า ยกเลิกใบอนุญาตขับขี่ ภายในระยะเวลา--- ปี ก็เป็นได้

ดังนั้น ให้ถามเหตุผลที่กรมขนส่งเลยครับ

ให้กำลังใจครับ

ทนายพร.

49
ครบสัญญาแล้ว หากไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำครับ ก่อนจะกลับบ้านก็อย่าลืมถามเรื่องค่าชดเชยด้วยนะครับ

ทั้งนี้ ต้องมั่นใจนะครับว่าสัญญาจ้างของเราเป็นสัญญาจ้างที่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดไว้แน่นอน มิเช่นนั้น จะไม่ได้อะไรเลยนะครับ นอกจากนี้ยังอาจถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการละทิ้งหน้าที่ได้นะครับ

ทนายพร.

50
จากการอ่านเรื่องราวแล้วก็น่าเห็นใจนะครับ ชีวิตพลิกผันเพียงชั่วข้ามคืน

เอาเป็นว่า กรณีนี้ หากบริษัทใหม่ที่ตกลงรับเข้าทำงานแล้ว ถึงแม้ว่ายังไม่ถึงกำหนดเวลาก็ตาม แล้วถูกบอกเลิกสัญญาก่อนเริ่มงาน นั้น เราสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ครับ

ซึ่งเรื่องนี้มีการฟ้องร้องต่อศาลมากมายหลายคดีเลย เช่น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๙๙๔/๒๕๖๐ , คำพิพากษาฏีกาที่ ๑๕๑๙/๒๕๕๗ , คำพิพากษาฏีกาที่ ๔๗๕๕/๒๕๕๖ ฯลฯ

เทียบเคียงดูนะครับว่า คล้ายกับของเราหรือไม่ หากคล้ายกันก็จัดไปครับ

ขอให้โชคดีครับ

ทนายพร.

51
ถามมาว่า "บริษัทฯ สามารถเรียกเงิน Service Charge ของเดือนมกราคม 2565 ที่จ่ายไปแล้วคืน โดยการจ่ายเงินเดือนที่ค้าง 14 วัน เป็นเงินสดและเรียกคืนจากพนักงานตอนที่มารับเงินด้วยตนเองได้มั้ยคะ หรือว่าไม่สามารถเรียกคืนได้คะ?"

ก็ตอบว่า Service Charge ของเดือนมกราคม ที่ได้จ่ายไป เป็นการจ่ายโดยถูกต้อง เมื่อจ่ายถูกต้องแล้ว ก็ไม่สามารถเรียกคืนได้ครับ
ส่วยเงินเดือนที่ค้างจ่ายนั้น หากพนักงานไม่มารับก็ให้โอนเข้าบัญชีของลูกจ้างไป หรือทำหนังสือหรือติดต่อแจ้งให้ลูกจ้างมารับเอาไป เมื่อมาแล้ว ก็จะเจรจาเรื่องค่าเสียหายเพื่อหักลบกลบหนี้ก็ว่ากันไปครับ ทั้งนี้ขอให้ทำบันทึกข้อความกันไว้ให้เรียบร้อยด้วยนะครับ

ส่วนกรณีที่บริษัทได้รับความเสียหายจากการที่ลูกจ้างแจ้งลาออกไม่ครบสามสิบวันตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานนั้น หากบริษัทเห็นว่าได้รับความเสียหาย ก็สามารถใช้สิทธิ์ฟ้องศาลแรงงาน เพื่อเรียกค่าเสียหายตามจำนวนที่เสียหายจริงได้ โดยต้องเตรียมพยานหลักฐานเกี่ยวกับความเสียหายที่ได้รับด้วย จะอ้างลอยๆว่าเสียหายแต่ไม่มีพยานหลักฐานไม่ได้นะครับ
ส่วนเมื่อฟ้องแล้วจะไปหักลบกลบหนี้ค่าจ้างที่ลูกจ้างยังไม่มารับ แล้วเลิกแล้วต่อกันก็เป็นทางเลือกทางหนึ่งครับ

คงครบถ้วนนะครับ

ทนายพร.

52
อ่านคำตอบในข้อ ๑ ให้กระจ่าง

หากอยากได้สิทธิ์ความเป็นพ่อ ก็ไปดำเนินการตามคำแนะนำเลยครับ

ทนายพร.

53
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: ปรึกษาคดียาไอซ์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2022, 02:57:41 am »
หากถูกล่อซื้อ ดูท่าจะสู้ยากนะครับ

และไม่แน่ใจว่าเพื่อนจะสู้ในประเด็นอะไร? ถึงแม้ว่ามีไอซ์บริมาณน้อยแต่ถ้าถูกล่อซื้อ มักจะถูกตั้งขอหาว่าครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งจะมีโทษสูงกว่าครอบครองเพื่อเสพ

แน่นอนว่า หากทำผิดร่วมกัน คนหนึ่งรับสารภาพ อีกคนหนึ่งก็มั่นใจได้เลยว่าสู้อย่างไรก็ไม่น่าจะสู้ได้เพราะจะขัดแย้งกับคนที่รับสารภาพ

ส่วนในเรื่องทนายให้ความช่วยเหลือทางคดีนั้น หากประสงค์จะใช้ทนายโดยปกติคดีอาญา ศาลจะถามเราก่อนว่ามีทนายหรือไม่ หากไม่มีศาลจะตั้งทนายอาสา ที่อยู่ประจำศาลให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ

แต่อยากจะแนะนำว่า หากกระทำผิดจริงควรรับสารภาพ จะได้รับการลดโทษลงกึ่งหนึ่ง ยิ่งกระทำผิดครั้งแรกศาลอาจปราณีรอการลงโทษได้ครับ

ให้กำลังใจนะครับ

ทนายพร.

54
อืมมม...เรื่องกัญชากำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ในสังคมเลยนะครับ

เอาเป็นว่า ตามหลักกฎหมายแล้ว เมื่อมีกฎหมายใหม่ออกมาลบล้างกฎหมายเก่าแล้ว กฎหมายเก่าก็สิ้นผลไป ซึ่งปัจจุบันได้มีประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.๒๕๖๔ ออกมาบังคับใช้ ซึ่งในกฎหมายดังกล่าวนี้กัญชาไม่ถือว่าเป็นยาเสพติดประเภท ๕

แต่อย่างไรก็ตามยังมีข้อถกเถียงจากผู้รับกฎหมายไปปฎิบัติว่า แม้กฎหมายหลักจะไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด แต่ตามประกาศกระทรวงสาธารณะสุขยังถือว่าเป็นยาเสพติดอยู่ ผู้ใดครอบครองถือว่ามีความผิด

ซึ่งปัจจุบันเห็นว่ามีการออกประกาศจากกระทรวงสาธารณะสุขแล้ว แต่รอผลบังคับใช้อีก ๑๒๐ วัน

ดังนั้น ถือเป็นโอกาสดี ในระหว่างนี้ก็ต้องรอให้กฎหมายลูกมีผลซะก่อน หากมีผลแล้วอาจจะไม่มีความผิดหรือรับโทษน้อยลงมากล่ะครับ

แต่อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ ได้กำหนดโทษเกี่ยวกับข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่ายกรณีที่ตรวจยึดของกลางไม่เกิน ๑๐ กิโลกรัม จะมีโทษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๗๖/๑ (ผู้ใดจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง โดยมีจำนวนยาเสพติดให้โทษไม่ถึงสิบกิโลกรัม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)

นัดหน้าคุ้มครองสิทธิ์ ก็ดึงเวลาไว้ครับ  โดยอาจต้องหาทนายให้ความช่วยเหลือแล้วในการต่อสู้คดีเพื่อให้พ้นเวลาที่ประกาศมีผลบังคับใช้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องดึงเวลาให้เกินกว่า ๔ เดือนแล้วคุณจะได้ประโยชน์จากกฎหมายใหม่ครับ

ขอให้โชคดีครับ

ทนายพร.

55
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: คดียาไอซ์ 3.11 กรัม
« เมื่อ: มกราคม 14, 2022, 01:56:16 am »
ในการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ตำรวจจะพิจารณาจากพฤติกรรมว่าเข้าข่ายข้อหาใด

หากครอบครองไม่ถึง ๒๐ กรัม จะตีเป็นครอบครองเพื่อเสพ เว้นแต่มีพฤติกรรมอื่น เช่นกรณีของผู้ถามนี้ ที่เจอทั้งเคเรื่องชั่ง ถึงแบ่ง

หากจะสู้ว่าเสพก็สู้ได้ครับ แต่ต้องบอกให้ได้ว่าเครื่องชั่งมีไว้ทำอะไร ถุงแบ่งมีไว้ใส่อะไร ประมาณนี้ ถ้ามีคำอธิบายที่ฟังได้ศาลก็อาจลงโทษแค่เสพ แต่ถ้าไม่ได้ก็ตัดสินเต็ม

หรือถ้าคิดว่า จริงๆแล้วก็จำหน่ายนั่นแหละ เพียงแต่ไม่ได้ผู้ซื้อ ไม่มีเบอร์แบงค์ และรับสารภาพและทำคำให้การสวยๆ ศาลก็อาจปราณีรอการลงโทษก็เป็นไปได้นะครับ

ลองพิจารณาตัดสินใจดูครับ

ทนายพร.

56
อ่านแล้วก็น่าเห็นใจนะครับ

อันว่าขายฝากนั้น หมายถึง การทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินประเภทหนึ่ง โดยกรรมสิทธิ์ในที่ดินจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากทันทีเมื่อมีการจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน โดยกำหนดระยะเวลาในการไถ่ถอนไว้ และให้สิทธิผู้ขายฝากนำเงินมาไถ่ถอนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่มาไถ่ถอน ที่ดินดังกล่าวก็จะตกไปเป็นของผู้รับซื้อฝากอย่างสมบูรณ์นั่นเอง

ดังนั้น เรื่องขายฝากนั้น สบายใจได้ครับ เป็นคดีแพ่ง ไม่มีติดคุกหรอก อย่างมากก็แค่ที่ดินหลุดมือไปเท่านั้นเอง

แต่ที่เป็นห่วงก็คือการขุดหน้าดินขายนี่แหละ เพราะมี พรบ.ว่าด้วยการขุดดินและถมดิน พ.ศ.๒๕๔๓ และฉบับแก้ไขฯ ในการขุดนั้นจะต้องขออนุญาต และการไปขุดดินในที่ดินที่ขายฝากไปแล้วนั้น ก็จะถือเป็นความผิดอาญาได้
อย่างไรก็ตาม โดยกฎหมายแลแ้วผู้ขายฝากยังคงมีสิทธิครอบครองใช้สอย และถือเอาประโยชน์จากที่ดินที่ขายฝากได้จนถึงวันที่หมดสิทธิในการไถ่ถอน

เว้นแต่ ในสัญญาขายฝากห้ามผู้ขายฝากไปดำเนินการใดๆอันเป็นการรอนสิทธิ์หรือทำให้เสื่อมค่าในที่ดิน กรณีนี้ก็จะถือเป็นคดีแพ่งเหมือนกัน 

ข้อแนะนำก็คือ อาจใช้วิธีเจรจาเพื่อยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป หรืออาจต้องกัดฟันหาเงิน อาจจะกู้พี่น้อง เพื่อนฝูงมาเพื่อไถ่ถอนตามกำหนดแล้วค่อยๆผ่อนปลดหนี้ ก็เป็นทางออกหนึ่งครับ ส่วนการฆ่าตัวตายทนายยืนยันได้เลยว่าไม่ใช่ทางออกครับ

เอาน่า..ฟ้าลิขิตชีวิตให้เป็นเช่นนี้ และเป็นบททดสอบเราว่าจะสามารถก้าวข้ามความยากลำบากนี้ได้หรือไม่ หากมีคุณความดีฟ้าคงจะเห็นและเปิดทางช่วยเราให้ก้าวพ้นความทุกข์นี้ไปได้ล่ะครับ

ให้กำลังใจครับ

ทนายพร.

57
อืมม...พึ่งจะเจอคำถามแนวนี้ที่อยากจะช่วยค่าเลี้ยงดู ปกติมักจะปรึกษาเรื่องฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดู

เอาเป็นว่า ตอบตามที่ถามนะครับ

ถามมาว่า...
1.ผมจะเสียสิทธิในตัวลูก100%เลยใช่ไหมครับ ถ้าผมไม่ช่วยเหลือเลย
ตอบ..เมื่อคุณเป็นพ่อ สิทธิความเป็นพ่อก็มีอยู่ตลอดไป แต่อาจจะเสียสิทธิ์ในการปกครองลูก เพราะตามกฎหมายคุณไม่ถือว่าเป็นพ่อของลูก ยกเว้นคุณจะไปฟ้องศาลเยาวชนและครอบครัวเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าคุณเป็นพ่อ เมื่อนั้น สิทธิ์ทั้งหลายในฐานะพ่อก็จะครบบริบูรณ์ ไม่เกี่ยวว่าจะช่วยค่าเลี้ยงดูหรือไม่

2.ผญมีสิทธิไม่รับความช่วยเหลือจากผมเเล้วเอาลูกไปคนเดียวเลยไหมครับ
ตอบ..ตามกฎหมายแล้วตอนนี้ลูกเป็นสิทธิขาดของแม่ พ่อจะไปยุ่งไม่ได้เว้นแต่จดทะเบียน หรือไปยื่นคำร้องต่อศาลตามข้อ ๑ ครับ

3.ถ้าผมจะขอสิทธิในตัวลูกด้วยต้องทำยังไงครับ
ตอบ..ทำตามที่แนะนำในข้อ ๑ เลยครับ

4.ถ้าผมไม่ช่วยเหลือเลยเเล้วปล่อยให้ผญได้ลูกไป100% ผญสามารถมาฟ้องร้องในอนาคตที่หลังผม ที่ไม่เลี้ยงดูเด็กได้ไหมครับ
ตอบ..ฟ้องตอนนี้หรือตอนใหนก็ได้ หากผู้หญิงอยากจะฟ้อง แต่เท่าที่อ่านเชื่อเถอะว่าเค้าไม่ฟ้องแน่ แม้แต่ข้อเสนอของคุณที่จะช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูเค้ายังไม่รับเลย เอาเป็นว่า ไปดำเนินการให้ถูกต้องแล้วไปตกลงกันที่ศาลก็ได้ครับ

ให้กำลังใจครับ

ทนายพร.

58
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: การรับราชการ
« เมื่อ: มกราคม 14, 2022, 01:26:17 am »
สบายเลยครับ...เพราะพืชกระท่อมถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติดประเภท ๕ แล้ว

และคดีที่เคยต้องโทษมาในทางกฎหมายถือว่าไม่เคยต้องโทษมาก่อนครับ

วันไปสอบจะเคี้ยวไปด้วยก็คึกดีนะทนายว่า.... ;D ;)

ส่วนกัญชา รอก่อนนะครับ  เห็นว่าแต่ละหน่วยงานกำลังถกเถียงกันอยู่ว่าจะปลูกได้หรือไม่ได้

ถึงแม้ว่าจะมีกฎหมายใหม่มาแล้วก็ตาม แต่หน่วยงานที่บังคับใช้ยังมีความเห็นขัดแย้งกันอยุ๋ แต่ไม่นานก็คงกระจ่างครับ

ทนายพร.

59
ถ้าโดนข้อหาแค่เสพ ก็ไปขอประกันตัวได้เลยครับ

หากเป็นความผิดครั้งแรก ศาลมักจะปราณี ไม่ถึงติดคุกหรอกครับ แต่ก็ต้องทำคำให้การสวยๆด้วยนะครับ

ซึ่งหากประสงค์จะใช้ทนายความและไม่มีสตางค์จ้างทนายก็แจ้งศาลไปว่าประสงค์อยากได้ทนายความเพื่อช่วยเหลือคดี ซึ่งศาลก็จะตั้งทนายอาสา เพื่อให้ช่วยทำคดีให้เราครับ

และหากได้โอกาสแล้วก็อย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกนะครับ รอบหน้าศาลไม่ปราณีแน่

ขอให้โชคดีครับ

ทนายพร.

60
หากนายจ้างมีข้อตกลงว่าจะจ่ายค่าคอมมิชชั่น เมื่อลูกจ้างสามารถทำได้ตามเป้าหมาย นายจ้างก็มีหน้าที่ต้องจ่ายและลูกจ้างมีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะได้รับเงินดังกล่าว

หากนายจ้างผิดนัดผิดสัญญา ลูกจ้างก็สามารถฟ้องคดีต่อศาลแรงงานเพื่อเรียกร้องเงินดังกล่าวได้

อนึ่ง ก่อนฟ้อง ขอให้ศึกษาเงื่อนไขการจ่ายค่าคอมฯด้วยนะครับว่า มีเงื่อนไขการจ่ายให้เฉพาะผู้ที่มีสถานณะการเป็นลูกจ้างอยู่หรือไม่ เพราะมีหลายเครส แพ้คดีเพราะเรื่องนี้มาแล้วนะครับ

ส่วนฟ้องแล้วจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ทนายคงตอบไม่ได้หรอกครับ มันขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานของแต่ละฝ่าย

และก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะชนะคดีมั๊ย เพราะทนายก็ไม่ใช่ผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีนั้นๆครับ

หากอยากได้เปรียบเวลาฟ้องคดีก็ต้องศึกษาและเตรียมคดี หาพยานหลักฐานทั้งพยานเอกสารและพยานบุคคลให้เรียบร้อย เชื่อว่าการเตรียมการดีมีชัยไปกว่าครึ่งครับ

ขอให้โชคดีครับ

ทนายพร.

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 50