ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย => ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย => ข้อความที่เริ่มโดย: tigerfly ที่ ธันวาคม 22, 2019, 09:13:55 pm
-
ลูกชายผมโดนสายตำรวจแจ้งให้มาจับยาที่บ้าน ตอนแรกมาถึงตำรวจชุดจับกุมเข้าตรวจค้นผิดบ้านโดยเข้าไปตรวจค้นบ้านข้างๆ แล้วจึงมาค้นที่บ้าน พบยาบ้า 22 เม็ดอยู่ในกล่องพัสดุ เป็นสีส้ม 20 เม็ด สีเขียว 2 เม็ด
ลูกชายให้การว่าซื้อมาเพื่อเสพเอง ไม่ได้ขาย ตำรวจชุดจับกุมตั้งข้อหา ครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ลูกชายยืนยันว่ายาบ้าเป็นของตนจริง แต่ไม่ได้จำหน่าย
การจับกุมครั้งนี้เป็นการเข้าตรวจค้นโดยการแจ้งจากสาย ไม่มีการล่อซื้อ ตรวจเช็คโทรศัพท์มือถิอของลูกชายก็ไม่มีการติดต่อซื้อขาย โทรศัพท์ก็คืนให้ในวันนั้น ตอนนี้ประกันตัวออกมาแล้ว จะครบฝากแรกวันที่ 25 ธ.ค. 62 โดยปกติจะใช้เวลานานแค่ไหนที่จะส่งฟ้องศาล
อยากรบกวนสอบถามท่านทนายว่าพอจะมีทางที่จะสู้คดีห้ศาลเห็นได้บ้างว่ามีครอบครองไว้เพื่อเสพจริงๆ ไม่ได้มีการจำหน่าย ครั้งนี้เป็นความผิดครั้งแรก ไม่เคยมีคดีมาก่อน
ชอความกรุณาช่วยเหลือให้คำปรึกษาด้วยครับ
-
คดียาเสพติด
การตั้งข้อหา ก็อยู่ที่ผลของการสืบสวนและสอบสวน จากพยานแวดล้อม ประกอบกับของกลาง ตามข้อเท็จจริง ปริมาณยาเสพติด 22 เม็ด อาจเข้าข่ายการ ครอบครองเพื่อจำหน่ายได้ ถ้าซื้อมาเสพเอง คงมีอยู่ในครอบครองเพียง 1-2 เม็ด ถ้าต้องการต่อสู้ในประเด็นนี้ ก็สามารถทำได้ คือต่อสู้ว่า ครอบครองเพื่อเสพเท่านั้น ซึ่งมีเทควิธีมากมาย คงต้องมีทนายความช่วยเหลือ แต่ผลจะออกมาอย่างไร ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล....ส่วนการส่งฟ้องศาล จะใช้เวลาเท่าใด คงตอบชัดเจนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของการปฏิบัติงาน คือต้องผ่านการสอบสวนของ ตำรวจ สรุปความเห็น สั่งฟ้อง ส่งอัยการ ก่อนอัยการจะส่งฟ้องศาล ก็ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน โดยหลัก จะมีการให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ 48 วัน หรือ สูงสุด 84 วัน หรือ 4 นัด หรือ 7 นัด(นัดละ 12 วัน) แต่ก็มีกรณีตัวอย่างที่อาจใช้เวลาเนิ่นนานกว่านั้น ก็แล้วเหตุผลและข้อเท็จจจริง เป็นกรณีๆไป....การรับสารภาพแต่แรก ย่อมเป็นเหตุบรรเทาโทษ และถ้าสามารถให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ เกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติด จนสามารถจับผู้ร่วมขบวนการ(รายใหญ่) มาลงโทษได้ ตาม ม.100/2 ศาลก็จะลงโทษน้อยลง...
-
คดียาเสพติด
การตั้งข้อหา ก็อยู่ที่ผลของการสืบสวนและสอบสวน จากพยานแวดล้อม ประกอบกับของกลาง ตามข้อเท็จจริง ปริมาณยาเสพติด 22 เม็ด อาจเข้าข่ายการ ครอบครองเพื่อจำหน่ายได้ ถ้าซื้อมาเสพเอง คงมีอยู่ในครอบครองเพียง 1-2 เม็ด ถ้าต้องการต่อสู้ในประเด็นนี้ ก็สามารถทำได้ คือต่อสู้ว่า ครอบครองเพื่อเสพเท่านั้น ซึ่งมีเทควิธีมากมาย คงต้องมีทนายความช่วยเหลือ แต่ผลจะออกมาอย่างไร ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล....ส่วนการส่งฟ้องศาล จะใช้เวลาเท่าใด คงตอบชัดเจนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของการปฏิบัติงาน คือต้องผ่านการสอบสวนของ ตำรวจ สรุปความเห็น สั่งฟ้อง ส่งอัยการ ก่อนอัยการจะส่งฟ้องศาล ก็ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน โดยหลัก จะมีการให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ 48 วัน หรือ สูงสุด 84 วัน หรือ 4 นัด หรือ 7 นัด(นัดละ 12 วัน) แต่ก็มีกรณีตัวอย่างที่อาจใช้เวลาเนิ่นนานกว่านั้น ก็แล้วเหตุผลและข้อเท็จจจริง เป็นกรณีๆไป....การรับสารภาพแต่แรก ย่อมเป็นเหตุบรรเทาโทษ และถ้าสามารถให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ เกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติด จนสามารถจับผู้ร่วมขบวนการ(รายใหญ่) มาลงโทษได้ ตาม ม.100/2 ศาลก็จะลงโทษน้อยลง...
ชอบคุณมากครับ หมายถึงว่าถ้าครบฝากที่ 4 หรือ 5 หรือ 6 หรือ 7 ก็จะตัดสินในวันนั้นเลยถูกต้องมั้ยครับ
-
การพิจารณาคดี....
ถ้าถูกตั้งข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย ถ้าปริมาณสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 20 กรัม จะมีโทษจำคุก 4 ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 400,000 -5,000,000 บาท ตาม พรบ.ยาเสพติดฯ ม.66 วรรค 2 ในเมื่อมีอัตรโทษสูง แม้รับสารภาพ คงต้องมีการสืบพยานก่อน คงพิพากษาคดีในวันเดียวไม่ได้...ต้องมีการสืบพยานอีกหลายครั้ง...
-
การพิจารณาคดี....
ถ้าถูกตั้งข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย ถ้าปริมาณสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 20 กรัม จะมีโทษจำคุก 4 ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 400,000 -5,000,000 บาท ตาม พรบ.ยาเสพติดฯ ม.66 วรรค 2 ในเมื่อมีอัตรโทษสูง แม้รับสารภาพ คงต้องมีการสืบพยานก่อน คงพิพากษาคดีในวันเดียวไม่ได้...ต้องมีการสืบพยานอีกหลายครั้ง...
ขอบคุณมากๆครับ
-
คำถามนี้ ท่านมโนธรรม ได้อธิบายไว้ถูกต้องแล้ว แต่ขอสรุปหลักกฎหมายไว้ว่า
กรณีที่มียาบ้าไว้เกินกว่า ๑๕ หน่วยการใช้ หรือเรียกง่ายๆว่า เกินกว่า ๑๕ เม็ด กฎหมายให้สันนิฐานว่า มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มีโทษตามมาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ ซึ่งกระบวนการระหว่างนี้ พนักงานสอบสวนก็จะต้องส่งยาของกลางนั้นไปสกัดเป็นสาร "บริสุทธิ" ว่าได้เท่าใหร่ เพื่อนำผลนั้นไปปรับเปรียบเทียบโทษที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย และตัดสินไปตามนั้น
ส่วนการรับสารภาพนั้นก็เป็นเหตุบรรเทาโทษที่ศาลจะใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินครับ อาจปราณีลดโทษให้ หรือรอลงอาญาก็อาจเป็นได้ครับ
ส่วนใหญ่ เท่าที่เคยทำคดีมา ถ้าไม่เกิน ๑๕ เม็ด ทำผิดครั้งแรก ศาลมักรอครับ แต่ก็เป็นความเห็นส่วนตัวของทนายนะครับ ซึ่งผู้พิพากษาอาจไม่เห็นพ้องกับทนายก็เป็นได้
ส่วนประเด็นการฝากขังนั้น ก็เนื่องมาจากพนักงานสอบสวนยังสอบสวนไม่เสร็จ ยังต้องรอการพิสูจน์สารบริสุทธิ หรือสอบปากคำพยานอีกหลายปาก จึงยังไม่ได้นำส่งพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้อง พนักงานสอบสวนก็จะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอฝากขังไว้ก่อน ซึ่งจะฝากได้กี่ครั้งนั้น ต้องอยู่ที่โทษของคดีนั้นๆว่าร้ายแรงเพียงใด โดยแต่ละครั้งจะฝากได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗ เช่น ถ้าโทษร้ายแรงฝากขังได้ครั้งละ ๑๒ วัน แต่ไม่เกิน ๘๔ วัน หรือ ๗ ฝาก อย่างนี้เป็นต้น
เมื่อครบกำหนด ๗ ฝากแล้ว อัยการยังไม่ส่งฟ้องต่อศาล ศาลก็จะมีคำสั่งให้ปล่อยตัวจำเลยไป
ทนายพร.