04/12/24 - 00:34 am


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - มโนธรรม

หน้า: [1] 2 3 ... 14
1
การเกษียณอายุ

    ในกรณีที่มิได้มีการตกลงหรือกำหนดการเกษียณอายุไว้  หรือตกลงให้เกษียณอายุไว้เกินกว่า 60 ปี  ให้ลูกจ้างที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป มีสิทธิแสดงเจตนาเกษียณอายุได้  โดยแสดงเจตนาต่อนายจ้าง และให้มีผลเมื่อครบ 30 วัน นับแต่วันแสดงเจตนา  และให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างที่เกษียณอายุนั้น ตาม ม. 118 วรรคหนึ่ง ( พรบ.คุ้มครองแรงานฯ ม.118/1 วรรคสอง)....ในทางปฏิบัติการแสดงเจตนาเกษียณอายุ ควรทำเป็นหนังสือ 2 ฉบับ เนื้อความเดียวกัน  ส่งให้นายจ้าง หรือผู้มีอำนาจ รับไว้ และผู้รับลงลายมือชื่อกำกับ ทั้งสองฉบับ  ลูกจ้างก็เก็บหลักฐานคู่ฉบับไว้   เพื่อป้องกันการโต้แย้งว่า ไม่ได้มีการแสดงเจตนาฯ เกษียณอายุ...
     ตามข้อเท็จจริงที่บอก เรื่องเพื่อนร่วมงาน เมื่อไปแสดงเจตนาลาออก น่าจะไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชย  ดังนั้นก็อย่าเผอเรอ ไปเขียนใบลาออกเสียเอง จะหมดสิทธิ รับเงินชดเชย ต้องแสดงเจตนาขอเกษียณอายุเท่านั้น...
     คุณทำงานเมื่อ ปี 2535  อายุงาน คง 29 ปี  จึงต้องได้เงินชดเชย  400 วัน...การจ่ายเงินชดเชย  เป็นหน้ที่ตามกฎหมายที่นายจ้างต้องจ่าย และลูกจ้างมีสิทธิได้รับ  แม้ผลประกอบการขาดทุน   นายจ้างต้องจ่ายเสมอ...มีปัญหา ฟ้องศาลแรง...ไม่มีค่าใช้จ่าย...

2
สัญญาจ้าง

1.ลูกจ้างสามารถไม่ต่อสัญญาจ้างได้หรือไม่

ตอบ...การทำสัญญาเป็นความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย  ถ้าลูกจ้างไม่ต่อสัญญาก็สามมารถทำได้เสมอ
2.หากลูกจ้างไม่ยอมต่อสัญญา ยังได้รับเงินชดเชยหรือไม่
ตอบ...การจะได้รับเงินชดเชย ตามกฎหมายแรงงาน  ต้องเป็นกรณีที่นายจ้าง เลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม   แต่การกำหนดวันครบสัญญาไว้ ไม่ถือว่า ถูกเลิกจ้าง  เพราะ "สัญญาจ้างย่อมสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดระยะเวลาในสัญญาจ้างโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้า" (พรบ.คุ้มครองแรงงานฯ ม.17วรรคแรก)
3.หากลูกจ้างต่อสัญญา เดือนต่อเดือน 6 ครั้ง จะนำมาสะสมรวมกับสัญญา 6 เดือนฉบับแรก รวมระยะเวลาจ้างงาน 1 ปี โดยได้รับเงินชดเชย 3 เดือนหรือไม่
4.หากลูกจ้างต่อสัญญา เดือนต่อเดือน 3 ครั้ง จะนำมาสะสมรวมกับสัญญา 6 เดือนฉบับแรก รวมระยะเวลาจ้างงาน 9เดือน โดยได้รับเงินชดเชย 1 เดือนหรือไม่

ตอบ  3-4   ทั้งสองกรณีไม่น่าจะนำเวลาทำงานมานับต่อกันได้  เพราะุเป็นการจ้างที่มีกำหนดวันครบสัญญาไว้แน่นอน  จึงไม่ใช่การเลิกจ้าง จึงไม่สิทธิได้รับเงินชดเชย ตาม พรบ.คุ้มครองแรงงานฯ ม.118 วรรคสาม

3
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: คุมประพฤติ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2021, 04:06:38 pm »
การเรียกค่าทดแทน จากการเป็นชู้

  จากคำถาม ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่า  ถูกชายหลอกว่า  เลิกกับภรรยาแล้ว ก็ย่อมพ้นผิด  ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าทดแทนตามที่ถูกเรียกร้อง  แต่...การพิสูจน์ข้อเท็จจริง ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก  ก็คงต้องอ้างพยานหลักฐานมาประกอบการพิสูจน์ข้อเท็จจริงมากมาย พอสมควร  ถ้าเหตุผล ไม่น่าเชื่อถืออาจต้องรับผิดเต็มๆก็ได้...(ความเห็น) ควรยอมรับผิด  และขอเจรจาไกล่เกลี่ย  เมื่อสารภาพ ศาลก็คงปรานี  โดยผ่านไปยังผู้ไกล่เกลี่ยประนีประนอม   การเจรจาน่าจะบรรลุผล  อาจจะชดใช้ค่าทดแทนเพียงเล็กน้อย หรืออาจจะไม่ต้องชดใช้เลยก็ได้  เขาอาจจะเห็นหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน...ถ้าใช้ไม้แข็งตั้งป้อมต่อสู้  ก็คือการทำสงคราม  ย่อมบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย....ข้อคิด...มหาสงคราม  ที่อุบัติขึ้นในโลกมาทุกยุคทุกสมัย  เกณฑ์พลและอาวุธหลากหลายนานาชนิดมาประหัตประหารกัน  บาดเจ็บล้มตายเป็นแสนเป็นล้านคน  และสูญเสียเงินทองทั้งสองฝ่ายจำนวนมหาศาล  แต่สุดท้าย มหาสงครามที่รุนแรงและโหดร้า่ย  มักจบลงที่โต๊ะเจรจา ที่มีเพียงกระดาษและปากกา เท่านั้น  ด้วยความปรารถนาดี ครับ

4
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: คุมประพฤติ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2021, 08:21:22 am »
โทรฯ สอบถาม  สนง.คุมประพฤติ ครับ

5
พยานหลักฐาน

  คลิปเสียงที่ถูกบีบให้ลาออก  จะใช้เป็นพยานหลักฐานยืนยันได้หรือไม่  ก็ขอตอบว่า ใช้ได้   แต่ศาลจะรับฟังมากน้อยเพียงใด  ก็เป็นดุลพินิจของศาลเป็นสำคัญ  คนนอกก็ตอบได้เพียงเท่านี่้   ด้วยความปรารถนาดี ครับ

6
คดียาเสพติด

  อัตราโทษค่อนข้างสูง  ขอแนะนำให้ รับสารภาพ  ส่วนข้อเท็จจริงว่าถูกหลอกให้ล่อซื้อ  ก็พอมีช่องทางต่อสู้ได้   แต่คงไม่ง่ายนัก  ยิ่งมีการสืบพยานยืดยาวไป  อาจจะ ไม่ได้รับการลดโทษ....ปัจจุบันทุกศาล มีทนายอาสา   คอยให้ความช่วยเหลือแนะนำ  ก็ลองติดต่อกับกับเขาอีกที  การเจรจากัน โดยตรงอาจจะมีช่องทางผ่อนหนักเป็นเบาได้   ด้วยความปรารถนาดี ครับ

7
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: น้องโดนจับคดียาเสพติด
« เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2021, 03:18:46 pm »
การรอการลงโทษ/พักการลงโทษ

  ก็ต้องไปดูเนื้อความของคำพิพากษาคดีเก่าว่าระบุไว้อย่างไร  ถ้ามีเงื่อนไขให้คุมประพฤติ ตามเวลาที่กำหนด  เช่น 1-2 ปี  ถ้าไปกระทำความผิดในห้วงเวลานี้  ก็ต้องนำโทษจากคดีเก่ามาลงโทษอีก เพราะทำผิดเงื่อนไข คือไปก่อคดีขึ้นมาใหม่อีก  อาจจะมีการเพิ่มโทษของคดีใหม่อีกกึ่งหนึ่งก็ได้...

8
การรอการลงโทษ

 เป็นมาตรการ  ให้โอกาสแก่ผู้กระทำความผิด  ได้มีโอกาสกลับตนเป็นคนดี โดยไม่ต้องถูกจำคุก  ชื่อก็บอกแล้วว่ารอการลงโทษไว้ ที่คนทั่วไปเรียกว่า รอลงอาญา คือไม่ต้องถูกจำคุก แต่มีเงื่อนไข ให้บำเบ็ญประโยชน์ฯ  ตามที่ศาลเห็นสมควร  ซึ่งการบำเพ็ยประโยชน์ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรมากมาย  จุดมุ่งหมาย คงต้องการควบคุมให้คนต้องโทษมีวินัย  เคารพกฎระเบียบของสังคม ตัวอย่าง   ทำงานเกี่ยวกับให้ความบันเทิง แก่คนพิการ คนชรา ฯ เช่นสอนหนังสือ   2 ชั่วโม. ถือว่าเป็นการทำงาน 1 วัน  ....ถ้าทำงานเกี่ยวกับวิชาชีพ เช่นช่างต่างๆ  3 ชั่งโมง  ถือเป็น 1 วัน...ทำงานบริการสาธารณะ ปลูกป่า งานจราจร  4 ชั่งโมง  ถือเป็น  1 วัน เป็นต้น....ถ้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่ศาลกำหนด  สนง.คุมประพฤติ  อาจจะมีการแจ้งไปยังศาล  ให้ นำตัวไปลงโทษจริง ที่รอไว้  เช่น จำคุก  1 ปี  แต่ให้รอไว้ 2 ปี ให้มีโอกาสปรับปรุงตน  ถ้าผิดเงื่อนไข อาจจะ นำโทษมีรอไว้ 1 ปี มาลงโทษจริง คือเข้าเรือนจำจริง  ด้วยความปรารถนาดี ครับ

9
การกู้ยืมเงิน

  โดยหลักการกู้ยืมเงินเกินกว่าสองพันบาท ต้องมีหลักฐานการกู้ยืมเงิน (พูดง่ายๆต้องมีสัญญากู้ยืมฯ ลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญ) จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ตาม ปพพ. ม.653...แต่ในสังคมยุคใหม่  มีการกู้ยืมกันทางโลกออนไลน์ฯ ก็มีช่องทางที่จะฟ้องร้องเรียกเงินคืนได้  ตาม พรบ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544  เช่น ตาม ม.9 แม้ไม่มีการลงลสยมือชื่อในเอกสาร  แต่การติดต่อสื่อสารออนไลน์  ถือว่ามีการลงลายมือชื่อแล้ว เป็นต้น ม.11   ก็ระบุชัดห้ามปฏิเสธการรับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ฯ เป็นต้น  ด้วยหลักาารของกฎหมายที่อ้างถึง   พี่ชายของคุณจึงมีช่องทางฟ้องร้องเรียกเงินคืนได้ (ภายในอายุความ 10 ปี)...การดำเนินการควรให้ทนายความช่วยเหลือดำเนินการให้  เพราะการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน และคำฟ้อง ควรใช้มืออาชีพ จะมั่นคงและเห็นข้อดีข้อด้อยของรูปคดี ก็ตกลงเจรจาค่าใช้จ่ายกันให้ชัดเจน   ครับ

  อีกช่องทางหนึ่ง ที่ขอแนะนำคือการ ไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง  ก็ให้พี่ชายไปที่ศาลฯ เล่าข้อเท็จจริงและแจ้งความจำนงขอให้มีการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง  ในการเชิญลูกหนี้มาเจรจา  น่าจะมีข้อตกลงที่เหมาะสม หรือมีช่องทางเรียกเงินคืนได้ โดยไม่ต้องมีการฟ้องร้อง....การไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง  ไม่มีค่าใช้จ่ายฯ  ดำเนินการภายในการกำกับดูแลของศา่ล  เรื่องความบริสุทธิ์ยุติธรรม จึงไม่ต้องกังวล   ด้วยความปรารถนาดี ครับ

10
ทางจำเป็น

1หากผู้ที่มีที่ดินติดกับทางสาธารณะโอนให้กับบุคคลภายนอก ผู้ที่ได้สิทธิขอเปิดทางจำเป็นจะสามารถขอเปิดทางจำเป็นได้อีกไหมครับตามมาตรา1350 หากเปลี่ยนความสัมพันได้เปลี่ยนไปแล้วครับ

ตอบ....ก็ขอเปิดทางจำเป็นได้ ตาม ปพพ. ม.1350 คงไม่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ใดๆ ถ้าเข้าเงื่อนไข ตาม ปพพ ม.1349 และเสนอค่าทดแทนตามควร..

2หากสลับกัน ผู้ที่มีที่ดินติดกับทางสาธารณะไม่ได้โอนไปให้ใคร แต่ฝั่งผู้ที่ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้โอนให้แก่บุคคลภายนอก ตัวบุคคลภายนอกยังคงได้สิทธิขอเปิดทางจำเป็นตามมาตรา1350 อีกไหมครับ

ตอบ...ดังคำตอบข้อ 1 ถ้าแปลงที่ไม่มีทางออก มีเงื่อนไขตาม ปพพ. ม.1349 ก็ขอเปิดทางจำเป็นได้

3แล้วถ้าเกิด ที่ดินที่ติดกับทางสาธารณะ เป็นของ 1 ได้โอนไปให้ 2 และ2ได้โอนไปให้3 ส่วนทางผู้ที่ไม่มีทางออกสู่ทางสาธาณะ เดิมเป็นของ 4 แล้วโอนไปให้5 แล้ว5 โอนไปให้6 แบบนี้6 จะขอเปิดทางจำเป็นกับ3ได้ไหมครับ คือผมสงสัยว่าต้องดูที่ตัวผู้ได้สิทธิหรือดูที่การแบ่ง
ตอบ....คำตอบ ก็เป็นไปตามข้อ 2 ครับ

แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเทียบเคียง

ฎีกาที่่ 760/2540
โจทก์ฟ้องโดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า เดิมที่ดินของโจทก์ทั้งสองแปลงตามสำเนาโฉนดที่ดินเลขที่ 7836 และ 7838 เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 1694 ของจำเลยซึ่งจำเลยได้แบ่งแยกขายให้ผู้อื่นแล้วโอนต่อมาจนถึงโจทก์ จำเลยได้ตกลงกับผู้ซื้อให้มีถนนยาวตลอดแนวที่ดินของจำเลยกว้างประมาณ 3 เมตร เพื่อออกสู่ทางสาธารณะ ปรากฏตามแผนที่ทางพิพาทเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 ทางดังกล่าวเป็นทางจำเป็นตาม ป.พ.พ.ขอให้บังคับจำเลยให้จดทะเบียนแบ่งแยกโฉนดเลขที่1694 ทางด้านทิศใต้ซึ่งติดกับที่ดินของโจทก์มีความกว้าง 3 เมตร ยาวตลอดแนวที่ดินให้เป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 7836 และ 7838 ดังนี้ เมื่อพิจารณาคำฟ้องของโจทก์ คำขอท้ายฟ้อง ภาพถ่ายโฉนดที่ดินเลขที่ 7836 และ7838 ของโจทก์เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 แผนที่ทางพิพาทเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 และภาพถ่ายโฉนดที่ดินเลขที่ 1694 ของจำเลยเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องแล้ว ปรากฏว่าเมื่อแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 1694 ของจำเลยแล้วมีจำนวนทั้งหมด 17 แปลง และที่ดินโฉนดเลขที่ 7836 และ 7838 ของโจทก์ 2 แปลง ถูกที่ดินแปลงอื่นที่แบ่งแยกดังกล่าวอีก 15 แปลง ล้อมอยู่ทุกด้าน คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่กล่าวอ้างว่าที่ดินของจำเลยที่แบ่งแยกเป็นเหตุให้ที่ดิน 2 แปลง ซึ่งต่อมาได้โอนมาเป็นของโจทก์ไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะแล้ว โจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยเปิดทางจำเป็นบนที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกได้ ตามป.พ.พ.มาตรา 1350 คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 1694 ของจำเลยกว้าง 3 เมตร ยาวตลอดแนวที่ดินเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 7836 และ 7838 ของโจทก์หรือไม่
ที่ดินของโจทก์เดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกันกับที่ดินของจำเลยต่อมาเมื่อจำเลยแบ่งแยกขาย ที่ดิน 2 แปลง ของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ดังนั้น การที่จำเลยแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 1694ออกเป็นที่ดินแปลงย่อยรวมทั้งที่ดินของโจทก์เป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินอันเป็นทางจำเป็นบนที่ดินโฉนดเลขที่ 1694 ของจำเลยซึ่งอยู่ติดทางสาธารณะเพื่อออกสู่ทางสาธารณะได้โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1350
ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1350 บัญญัติให้ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นโดยผลของกฎหมาย โจทก์มีสิทธิแต่เพียงให้จำเลยเปิดทางจำเป็นให้เท่านั้น โดยจำเลยไม่จำต้องไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อีก

11
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: หมายศาลฟ้องขับไล่
« เมื่อ: กันยายน 26, 2021, 12:45:33 pm »
ถูกฟ้องขับไล่

   ข้อมูลยังไม่ค่อยชัดเจน ว่า อยู่ในขั้นตอนการฟ้องขับไล่  หรือ มีการฟ้องแล้ว และศาลให้ออกจากห้องพัก  ตามคำฟ้องคำฟ้องขับไล่....ถ้าศาลมีคำสั่งให้ออกจากห้องพัก ตามคำพิพากษา  ก็ต้องยื่นอุทธรณ์ ภายในหนึ่งเดือน  นับแต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา  คงต้องหาทนายความช่วยเหลือ.....ถ้ายังอยู่ในชั้นตอนการฟ้องขับไล่ ก่อนอื่นก็ต้องยื่นคำให้การต่อสู้ ภายในกำหนดเวลา  ถ้าไม่ยื่นฯ ย่อมเสียเปรียบ (ถือว่าขาดนัดยื่นคำให้การ)  ย่อมไม่มีประเด็นในการต่อสู้ อาจจะแพ้คดีเอาง่ายๆ  ก็ควรมีทนายความช่วยเหลือเช่นกัน....ศาลคงให้มีการไกล่เกลี่ย  น่าจะมีทางออกที่เหมาะสมได้...

12
สอบถามได้ที่  สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 3 หรือ 1546

13
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / Re: โดนจับรับจ้างส่งยา
« เมื่อ: กันยายน 12, 2021, 08:21:35 am »
การขอปล่อยตัวชั่วคราว (ประกันตัว)

  โดยหลักสามารถขอประกันตัวได้เสมอ   ก็ติดต่อสอบถามรายละเอียดจากผู้มีสาวนเกี่ยวข้องได้  การลงโทษมากน้อยเพียงใด คงตอบไม่ได้ เพราะเป็นดุลพินิจของศาลเท่านั้น   ถ้าให้การรับสารภาพแต่แรก  ศาลคงปรานีลงโทษสถานเบา  ความทั้งสองคดีที่บอก...ก็ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก แต่ก็ต้องใจเย็นค่อยๆหาทางแก้ไขปัญหาไป  คงจบลงได้ไม่ยากเย็น...ที่โรงพัก และที่ศาล  จะมีทนายความอาสา  หรือทนายขอแรง ที่พร้อมจะใก้คำช่วยเหลือแนะนำ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย  ก็ควรไปขอคำแนะนำจากเขา ครับ

14
คดียาเสพติด
  ถ้าถูกตั้งข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย  ถ้ามีปริมาณสารบริสุทธิ์ ไม่เกิน 20 กรัม (ต้องมีการพิสูจน์) จะมีโทษ จำคุก  4 ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 4 แสนบาท ถึง 5 ล้านบาท ( ม..66 วรรค 2)...การจะได้รับการลดโทษ  หรือมีเหตุอันควรปรานี ให้รับโทษสถานเบา หรือไม่อย่างไร เป็นดุลพินิจของศาลเท่านั้น คงไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่า ศาลจะลงโทษกี่ปี (คืออยากตอบ  แต่ไม่สามารถตอบได้) การรับสารภาพแต่แรก  และการใช้ช่องทาง ม.100/2 (คือการให้ข้อมูลที่สำคัญ และเป็นประโยชน์ ในการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด จนสามารถจับผู้ร่วมขบวนการมาลงโทษได้ฯ) ซึ่งช่องทางนี้ คงไม่สามารถทำได้ง่ายๆ  เพราะขบวนการนี้มักมีย่อมมีเครือข่าย ลึกลับซับซ้อน แต่ถ้าสามารถแจ้งข้อมูลสำคัญได้  ก็ย่อมมีเหตุบรรเทาโทษ  แต่ก็อยู่ที่ดุลพินิจศาลเป็นสำคัญ...

15
ความรับผิดทางอาญา

  ถ้าถูกแจ้งความดำเนินคดี ข้อหายักยอกทรัพย์  เป็นคดีที่สามารถยอมความกันได้  เมื่อมีหมายเรียกไปพบตำรวจ  ถ้าให้การรับสารภาพ  และผู้เสียหาย(บริษัท)  ยินยอมให้ผ่อนใช้หนี้  ถ้ามีการบันทึกข้อตกลงกันในลักษณะนี้  ถือว่า เป็นการยอมความกันตามกฎหมาย   ผู้เสียหายไม่สามารถดำเนินคดีอาญาได้อีก  คุณเพียงมีหน้าที่ผ่อนใช้หนี้ตามข้อตกลง   ถ้าไม่ผ่อนฯ ผู้เสียหาย ก็เพียงมีสิทธิไปฟ้องทางแพ่งเท่านั้น...แต่ถ้าการเจรจาไม่ลงตัว   ตำรวจก็คงทำการสอบสวน   เพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการ เพื่อฟ้องศาลต่อไป ซึ่งในชั้นนี้ ก็สามารถขอปล่อยตัวชั่วคราวได้ (ประกันตัว) ตามเงื่อนไขที่กำหนด  คดียักยอกทรัพย์ เป็นคดีเล็กๆ  น่าจะได้รับการประกันตัวไม่ยากเย็นอะไร   แต่ถ้าไม่มีการประกันตัว  ก็คงมีการขออำนาจศาลฝากขัง  น่าจะฝากขังไม่เกิน 48 วัน ในเมื่อมีโอกาสขอประกันตัว ก็ควรใช้โอกาสนี้ ในการขอปล่อยตัวชั่วคราว  เพราะการเข้าไปในเรื่อนจำ คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น...คำถามที่ถามเรื่องการถูกฝากขัง  เมื่อถูกพิพากษาให้จำคุก จะมีการหักโทษที่ฝากขังออกหรือไม่....กฎหมายก็เขียนไว้กลางๆ  ตาม ปอ. ม.22  คือ ให้หักวันที่ถูกคุมตัวก่อนศาลพิพากษาได้  เว้นแต่คำพิพากษานั้นจะกล่าวไว้เป็นอย่างอื่น  ก็คืออาจจะไม่หักวันที่ถูกควบคุมตัวก็ได้ คือรับโทษเต็มฯ...คือสุดท้ายก็อยู่ทีดุลพินิจของศาลเป็นสำคัญ ครับ

หน้า: [1] 2 3 ... 14