1
ถาม-ตอบปัญหากฎหมาย / โดนบีบจากผู้มีอำนาจมากๆ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2014, 08:24:24 am »
เดิมที ดิฉันเป็นพนักงานประจำขอวบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับดูแลรูปร่างและความงาม โดยเปิดภายใต้คนละชื่อแบรนด์สินค้า ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัทแม่เดียวกันตำแหน่งงานของดิฉันคือ ที่ปรึกษาความงาม บทบาทหน้าที่คือการดูแลลูกค้าและงานขาย โดยมีการตกลงเรื่องรายได้อย่างชัดเจน 2 ส่วนหลักๆคือ เงินเดือนออกทุกสิ้นเดือน และค่าคอมมิชชั่นออกทุกวันที่ 20 ของทุกๆเดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ดิฉันได้สมัครงานโดยตรงกับทางส่วนกลางของบริษัทจากนั้นทางส่วนกลางจึงส่งต่อไปยังสาขา A ที่ดิฉันเลือกเพราะสะดวกต่อการดำเนินชีวิต เมื่อเข้าทำงานมีการเซ็นสัญญาทำงานเป็นลายลักษณ์อักษรเรียบร้อย จนกระทั่งพ้นการทดลองงาน
ดิฉันได้เลื่อนตำแหน่งปรับเงินเดือนเป็นซีเนียทันที เพราะมีผลงานตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด ทำงานมาได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ดิฉันถูกขอให้ย้ายไปสาขา B เพราะปัญหาของบริษัทเนื่องด้วยทางปลายสาขาที่ต้องการให้ดิฉันไปช่วยนั้น เกิดวิกฤตคือทีมขายพากันออกทั้งทีมรวมไปถึงผู้จัดการด้วยสาเหตุอะไรซึ่งดิฉันก็ไม่ทราบ แต่การย้ายสาขานั้นมีผลกระทบกับดิฉันอย่างมาก หลักๆด้านการดำเนินชีวิต จากที่เคยอยู่อาศัยบ้านตัวเองกับครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ป่วยด้วยโรคหัวใจทั้งคู่ ก็ต้องมาหาเช่าที่พักเพื่อให้สะดวกต่อการทำงาน เพราะสาขาที่ต้องย้ายไปไกลจากบ้านดิฉันมากๆ อีกทั้งการย้ายสาขาเท่ากับการที่ต้องนับ 1 ใหม่ด้านงานขายเพราะจะตัองสร้างฐานลูกค้าใหม่ รายรับลดลงรายจ่ายเพิ่มขึื้น ยังไม่ใช่ปัญหาหลักสำหรับดิฉัน แต่สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่มากๆอยู่ตอนนี้ก็คือ ดิฉันตอนนี้พ้นสภาพพนักงานโดยไม่เต็มใจ
เมื่อต้นเดือนดิฉันได้รับคำสั่งจากผู้ช่วยผู้บริหาร ให้กลับไปทำงานที่สาขา A ในวันรุ่งขึ้นทันที พอขอเหตุผล เขาได้แต่ตอบว่าทางสาขานี้ไม่มีใครคุมดิฉันได้ ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ใช่เหตุผลเลยแม้แต่น้อย เพราะดิฉันไม่ได้มีความประพฤติใดๆที่เป็นผลเสียต่อหน้าที่การงานหรือบริษัทเลยแม้แต่น้อย โดยส่วนตัวดิฉันกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าเป็นพนักงานที่ได้รับคำชมจากลูกค้าเยอะมาก เพราะดิฉันเป็นคนรักการบริการ ถ้าเรื่องผลงานดิฉันเป็นท๊อปเซลล์มาตลอดตั้งแต่ได้ปรับขึ้นตำแหน่ง กับเพื่อนร่วมงานถ้าสาขาเก่ายอมรับว่ามีที่ไม่ลงรอยกันบ้างตามประสาผู้หญิงและผลประโยชน์ที่ดิฉันโดนเขาฉวยโอกาสซึ่งดิฉันก็ไม่ยอม จึงทำให้เป็นประเด็นขึ้นมา แต่กับทางสาขาที่ย้ายมานี้ไม่มีปัญหาใดๆเลยแม้แต่น้อย และก็ยังเป็นที่รักของน้องๆและคุณหมอด้วย มีข้อเสียก็เรื่องป่วยง่ายกับมาสายบ้างบางครั้ง แต่ทั้งหมดไม่ได้ส่งผลกับการเป็นท๊อปเซลล์เลยแม้แต่น้อย ดิฉันยังคงรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองได้ไม่เคยต่ำกว่าที่บริษัทต้องการเลยตลอดเวลา 9 เดือนที่สาขา B
คำสั่งย้ายกระทันหันนั้นทำให้ดิฉันไม่มีกระใจอยากจะร่วมงานกับบริษัทนี้ต่อหากจะต้องย้ายไปนับ 1 ใหม่ที่สาธารณะ A ที่ๆดิฉันหลุดพ้นมา ดิฉันได้ขอต่อรองกับนาย แต่นายก้ิยังคงยืนยันคำว่า ไม่ได้ไล่ออกนะ แต่หากต้องการทำงานที่นี่ต่อก็ต้องทำที่สาขา A เท่านั้น ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำถือว่าออกไปเลย ซึ่งในเวลาต่อมาช่วงแรกดิฉันยังคงหน้าด้านไปทำงานที่สาขา B เป็นปกติ แต่พอผู้จัดการเขตมาพบกลับต่อว่าดิฉันว่ามาทำอะไร ที่นี่ ไม่ได้ไปที่สาขา A ก็ถือว่าขาดงานแล้วจะมาทำไม ทำให้ดิฉันไม่กล้าที่จะไปทำงานอีกได้แต่รอปรึกษากับผู้จัดการว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี ทางผู้จัดการก็พยายามช่วบขอร้องให้ดิฉันได้กลับมาทำงานต่อที่สาขา ดังเดิม เพื่อเห็นแก่ยอดขายของสาขาเพราะยอดทั้งหมด 40% มาจากส่วนที่ดิฉันทำ เพราะขณะที่ดิฉันตกอยู่ในสถานะการณ์แย่ๆนี้ทีมขายมีแค่ 3 คนเท่านั้น และมีดิฉันเป็นซีเนียเพียงคนเดียว แถมทางสาขานี้มีร้าน 2 ช็อปต้องวิ่งสลับดูทั้ง 2 ข้อเปรียบเทียบ แต่ทางนายก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิมคือหากดิฉันต้องการทำงานต่อที่นี่ก็ต้องไปสาขา A เท่านั้น
ต่อมาเมื่อดิฉันไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการรอคำสั่งจากผู้จัดการสาขาเท่านั้น ไปๆมาๆทางผู้จัดการเขตก็บังคับให้แอดมินส่งอีเมลแจ้งสำนักงานว่า ดิฉันลาออก จึงทำให้ดิฉันพ้นสภาพพนักงานเป็นที่เรียบร้อย ผลที่ตามมาคือเงินค่าคอมมิชชั่น 85,xxx B. ถูกระงับการสั่งจ่ายในทันที ตามกฎของบริษัท ไม่ว่าดิฉันจะขอร้องอ้อนวอนอย่างไร กับทางผู้จัดการเขต...แต่ก็ไม่ได้รับความเมตตาเลยแม้แต่น้อย และการที่ดิฉันต้องมาตกงานและไม่ได้รับเงินในส่วนที่ควรจะต้องได้ตามกำหนดเวลา มันทำให้ดิฉันและครอบครัวเดือดร้อนเป็นอย่างมากเลยจริงๆ นอกจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอย่างเช่นเรื่องที่พักหรือการดำรงชีวิตปกติ ยังมีค่าเทอมหลาน 5 ขวบของดิฉันที่ไม่มีพ่อคอยส่งเสียเลี้ยงดูมีแต่แม่คือพี่สาวดิฉันซี่งทำงานเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวได้เงินเป็นรายวันเท่านัน และค่ารักษาพยาบาลประจำเดือนของคุณพ่อคุณแม่อีก
จากกรณีที่เกิดขึ้นดิฉันอยากเรียนปรึกษาว่า พอจะทำอย่างไรเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมได้บ้าง
.
ดิฉันได้เลื่อนตำแหน่งปรับเงินเดือนเป็นซีเนียทันที เพราะมีผลงานตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด ทำงานมาได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ดิฉันถูกขอให้ย้ายไปสาขา B เพราะปัญหาของบริษัทเนื่องด้วยทางปลายสาขาที่ต้องการให้ดิฉันไปช่วยนั้น เกิดวิกฤตคือทีมขายพากันออกทั้งทีมรวมไปถึงผู้จัดการด้วยสาเหตุอะไรซึ่งดิฉันก็ไม่ทราบ แต่การย้ายสาขานั้นมีผลกระทบกับดิฉันอย่างมาก หลักๆด้านการดำเนินชีวิต จากที่เคยอยู่อาศัยบ้านตัวเองกับครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ป่วยด้วยโรคหัวใจทั้งคู่ ก็ต้องมาหาเช่าที่พักเพื่อให้สะดวกต่อการทำงาน เพราะสาขาที่ต้องย้ายไปไกลจากบ้านดิฉันมากๆ อีกทั้งการย้ายสาขาเท่ากับการที่ต้องนับ 1 ใหม่ด้านงานขายเพราะจะตัองสร้างฐานลูกค้าใหม่ รายรับลดลงรายจ่ายเพิ่มขึื้น ยังไม่ใช่ปัญหาหลักสำหรับดิฉัน แต่สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่มากๆอยู่ตอนนี้ก็คือ ดิฉันตอนนี้พ้นสภาพพนักงานโดยไม่เต็มใจ
เมื่อต้นเดือนดิฉันได้รับคำสั่งจากผู้ช่วยผู้บริหาร ให้กลับไปทำงานที่สาขา A ในวันรุ่งขึ้นทันที พอขอเหตุผล เขาได้แต่ตอบว่าทางสาขานี้ไม่มีใครคุมดิฉันได้ ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ใช่เหตุผลเลยแม้แต่น้อย เพราะดิฉันไม่ได้มีความประพฤติใดๆที่เป็นผลเสียต่อหน้าที่การงานหรือบริษัทเลยแม้แต่น้อย โดยส่วนตัวดิฉันกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าเป็นพนักงานที่ได้รับคำชมจากลูกค้าเยอะมาก เพราะดิฉันเป็นคนรักการบริการ ถ้าเรื่องผลงานดิฉันเป็นท๊อปเซลล์มาตลอดตั้งแต่ได้ปรับขึ้นตำแหน่ง กับเพื่อนร่วมงานถ้าสาขาเก่ายอมรับว่ามีที่ไม่ลงรอยกันบ้างตามประสาผู้หญิงและผลประโยชน์ที่ดิฉันโดนเขาฉวยโอกาสซึ่งดิฉันก็ไม่ยอม จึงทำให้เป็นประเด็นขึ้นมา แต่กับทางสาขาที่ย้ายมานี้ไม่มีปัญหาใดๆเลยแม้แต่น้อย และก็ยังเป็นที่รักของน้องๆและคุณหมอด้วย มีข้อเสียก็เรื่องป่วยง่ายกับมาสายบ้างบางครั้ง แต่ทั้งหมดไม่ได้ส่งผลกับการเป็นท๊อปเซลล์เลยแม้แต่น้อย ดิฉันยังคงรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองได้ไม่เคยต่ำกว่าที่บริษัทต้องการเลยตลอดเวลา 9 เดือนที่สาขา B
คำสั่งย้ายกระทันหันนั้นทำให้ดิฉันไม่มีกระใจอยากจะร่วมงานกับบริษัทนี้ต่อหากจะต้องย้ายไปนับ 1 ใหม่ที่สาธารณะ A ที่ๆดิฉันหลุดพ้นมา ดิฉันได้ขอต่อรองกับนาย แต่นายก้ิยังคงยืนยันคำว่า ไม่ได้ไล่ออกนะ แต่หากต้องการทำงานที่นี่ต่อก็ต้องทำที่สาขา A เท่านั้น ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำถือว่าออกไปเลย ซึ่งในเวลาต่อมาช่วงแรกดิฉันยังคงหน้าด้านไปทำงานที่สาขา B เป็นปกติ แต่พอผู้จัดการเขตมาพบกลับต่อว่าดิฉันว่ามาทำอะไร ที่นี่ ไม่ได้ไปที่สาขา A ก็ถือว่าขาดงานแล้วจะมาทำไม ทำให้ดิฉันไม่กล้าที่จะไปทำงานอีกได้แต่รอปรึกษากับผู้จัดการว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี ทางผู้จัดการก็พยายามช่วบขอร้องให้ดิฉันได้กลับมาทำงานต่อที่สาขา ดังเดิม เพื่อเห็นแก่ยอดขายของสาขาเพราะยอดทั้งหมด 40% มาจากส่วนที่ดิฉันทำ เพราะขณะที่ดิฉันตกอยู่ในสถานะการณ์แย่ๆนี้ทีมขายมีแค่ 3 คนเท่านั้น และมีดิฉันเป็นซีเนียเพียงคนเดียว แถมทางสาขานี้มีร้าน 2 ช็อปต้องวิ่งสลับดูทั้ง 2 ข้อเปรียบเทียบ แต่ทางนายก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิมคือหากดิฉันต้องการทำงานต่อที่นี่ก็ต้องไปสาขา A เท่านั้น
ต่อมาเมื่อดิฉันไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการรอคำสั่งจากผู้จัดการสาขาเท่านั้น ไปๆมาๆทางผู้จัดการเขตก็บังคับให้แอดมินส่งอีเมลแจ้งสำนักงานว่า ดิฉันลาออก จึงทำให้ดิฉันพ้นสภาพพนักงานเป็นที่เรียบร้อย ผลที่ตามมาคือเงินค่าคอมมิชชั่น 85,xxx B. ถูกระงับการสั่งจ่ายในทันที ตามกฎของบริษัท ไม่ว่าดิฉันจะขอร้องอ้อนวอนอย่างไร กับทางผู้จัดการเขต...แต่ก็ไม่ได้รับความเมตตาเลยแม้แต่น้อย และการที่ดิฉันต้องมาตกงานและไม่ได้รับเงินในส่วนที่ควรจะต้องได้ตามกำหนดเวลา มันทำให้ดิฉันและครอบครัวเดือดร้อนเป็นอย่างมากเลยจริงๆ นอกจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอย่างเช่นเรื่องที่พักหรือการดำรงชีวิตปกติ ยังมีค่าเทอมหลาน 5 ขวบของดิฉันที่ไม่มีพ่อคอยส่งเสียเลี้ยงดูมีแต่แม่คือพี่สาวดิฉันซี่งทำงานเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวได้เงินเป็นรายวันเท่านัน และค่ารักษาพยาบาลประจำเดือนของคุณพ่อคุณแม่อีก
จากกรณีที่เกิดขึ้นดิฉันอยากเรียนปรึกษาว่า พอจะทำอย่างไรเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมได้บ้าง
.
กราบขอบพระคุณล่วงหน้าคะ