เกิดกรณีรถเฉี่ยวชน โดยผมขับรถยนต์บนถนนสี่เลนส์อยู่ที่เลนส์ซ้ายสุด ตีคู่มากับรถจักรยานยนต์ ซึ่งในจังหวะที่ขับขึ้นมาเรื่อยๆ และเข้าโค้งทางด้านขวาก็สังเกตเห็นว่ารถจักรยานยนต์ค่อนข้างจะเบี่ยงมาทางขวามากจึงพยายามท่จะเปลี่ยนเข้าเลนส์ขวาให้มากที่สุด แต่เนื่องจากมีรถตามมาข้างหลังจึงทำให้เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้
จังหวะนั้นรถจักรยานยนต์จึงเกี่ยวเข้าที่ล้อหลังทำให้รถจักรยานยนต์ล้มและบาดเจ็บ ผู้ขับขี่รถยนต์เองทีแรกก็ไม่แน่ใจว่าเกิดเหตุกับรถตัวเองหรือคันอื่นแต่ก็จอดรถเพื่อรับผิดชอบ เมื่อดูที่รถด้านหลังก็เห็นว่าเป็นรถตัวเองที่เกิดเหตุ จึงได้ติดต่อประกันเพื่อรับผิดชอบ
จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณนั้นพอดี เดินเข้ามาติดต่อ ผมได้ถามตำรวจไปว่าผมเป็นฝ่ายถูกใช่หรือไม่ เนื่องจากมั่นใจว่าไม่ได้ขับไปเบียดรถฝั่งซ้ายอย่างแน่นอน แต่อาจจะผิดในกรณีขับรถคร่อมมาด้านขวาเนื่องจากต้องการที่จะหลบ ตำรวจตอบว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่มีคนเจ็บก็อยากให้เราช่วยเหลือเค้าและพูดคุยตกลงกัน
เมื่อประกันมาถึงผมก็ต้องการที่จะจบเรื่องโดยเร็วที่สุด โดยสอบถามกับทางประกันว่าถ้าจบง่ายๆคือทางเราเป็นฝ่ายผิดประกันก็จะซ่อมรถและช่วยค่ารักษาพยาบาลค่าสินไหมให้ฝ่ายรถจักรยานยนต์ได้ใช่หรือไม่ ประกันก็บอกว่าทำได้ แล้วแต่ทางลูกค้า แต่เมื่อให้ทางประกันเจรจาแล้วคู่กรณีไม่ยอม พร้อมเรียกร้องค่าทำขวัญ 10,000 บาท ผู้บาดเจ็บบาดเจ็บไม่ถึงขั้นนอนโรงพยาบาล
ผมเห็นว่าเป็นการเรียกร้องที่มากเกินไป อีกทั้งคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเต็มที่ขนาดนั้น ทางประกันจึงแนะนำให้ไม่ต้องมีการจ่ายค่าทำขวัญและให้มีการลงบันทึกประจำวันและนัดเจรจากันในรอบต่อไป
อยากสอบถามว่า กรณีนี้ถือเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อยมาก แต่คู่กรณีไม่มีท่าทียอมรับข้อเสนอตามที่เราชดใช้ได้ การดำเนินการขั้นต่อไปทางตำรวจต้องเป็นคนชี้ว่าฝ่ายไหนผิดใช่มั้ยครับ
ถ้าหลักฐานลักษณะการชนคือท้ายรถของผม โดยถนนคือการเข้าโค้งด้านขวา ผมได้เปรียบหรือเสียเปรียบอะไรจากกรณีนี้บ้างหรือไม่
การที่ยอมรับผิดกับประกันในขั้นแรกทำให้เสียเปรียบหรือไม่กรณีหากไม่มีการยอมความกันจริงๆและต้องฟ้องศาลต่อไป
ผมเข้าใจว่าการยอมความเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่การรับผิดชอบเกินกว่าขอบเขตที่เหมาะสมผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยครับ ม้
ขอบคุณครับ