24/11/24 - 04:57 am


ผู้เขียน หัวข้อ: โดนตำหนิเพราะตอบแบบสอบถามบริษัท  (อ่าน 4054 ครั้ง)

nansci45

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
โดนตำหนิเพราะตอบแบบสอบถามบริษัท
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2017, 08:48:55 am »
เนื่องจากนายจ้างขอให้ตอบคำถามแบบสอบถามแบบบังคับให้ส่งทุกคนผ่านเมล์ เราตอบคำถามไปตรงๆ เพื่อให้มีการพัฒนาในส่วนที่มีความเห็น เช่น ระบบงานเปลี่ยนบ่อย ทำให้ทำงานไม่ราบรื่น ไม่มีแผนจะทำงานระยะยาวเพราะต้องการแต่งงานย้ายประเทศ เราไม่ต้องการทำงารในระดับที่สูงขึ้นอย่างผู้จัดการ แต่ดันมีเมล์ตอบมาว่าสถานะ บน Line เปลี่ยนเพราะอยากออกใช่ไหม แล้วตำแหน่งที่เค้าเสนอให้เราก็ไม่เอา มันเป็นความผิดเราที่ไม่ทำงานตามระบบเอง พอเราบอกว่า Line เป็นเรื่องส่วนตัว สถานะเราก็อัพเดตเกี่ยวกับส่วนตัวไม่เกี่ยวกับงาน สถานะโปรไฟล์เราตั้งแค่ว่า ได้เวลาก้าวต่อไปข้างหน้าแล้ว แค่นั้น นายก็แจ้งว่าถ้ามีการแอดเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า ถือว่าเกี่ยวข้องกับบริษัท ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว ก็ให้ลบเพื่อนร่วมงานกับลูกค้าออกเพราะเป็นกฏของบริษัท(ซึ่งไม่มีในเอกสารใด) เค้าตี้วเอง พอเราลบออกเพราะไม่อยากมีปัญหาในอนาคต เพราะอยากมีความเป็นส่วนตัว และไม่อยากมีปัญหาอีก ก็เมล์มาด่า มาว่า
อันนี้เป็นเหตุผลที่ขอลาอออกได้ไหม แล้วเราสามารถทำอะไรได้บ้างกับกรณีนี้ แล้วเค้าก็เริ่มหาเรื่องมาตำหนิเรื่อย ๆ หลังจากนั้น ยิ่งทำงานเหมือนจะจิตตกคะ

ทนายพร

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 758
    • ดูรายละเอียด
Re: โดนตำหนิเพราะตอบแบบสอบถามบริษัท
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2017, 04:32:56 pm »
นี่ก็เป็นอีกเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี่ ที่ส่งผลต่อการทำงาน
ไม่ว่ากัน เมื่อโลกทันสมัยขึ้น เราก็ต้องก้าวตามให้ทันกับความทันสมัย เดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนล้าสมัย...

แต่ทนายพรก็ไม่มี Line หรือ FB นะครับ...ฮา (โครตล้าสมัยแต่มันดีต่อใจนะคร๊าบบบบ)

จากปัญหา ก็เป็นส่ิงที่ลูกจ้างประสบพบเจออยู่เป็นประจำ ถูกกดขี่ ถูกขูดรีด และถูกบีบบังคับ ทำอย่างกับลูกจ้างไม่ใช่คน ซึ่งก็ต้องยอมรับเมื่อเราเข้าไปอยู่ในวังวนของระบบทุนนิยม ที่ยังต้องใช้เงินในการดำรงชีวิตอยู่ครับ และจากคำถามที่ถามว่า "จะขอลาออกได้ใหม?"

 ตอบได้เลยความว่า ถ้าคุณทำงานแล้วไม่สบายใจ ก็ลาออกเถอะครับ ไปตั้งต้นชีวิตใหม่ ซึ่งการขอลาออกนั้น เป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียวได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย เว้นแต่ว่า มีระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกำหนดให้ลาออกต้องแจ้งเป็นหนังสือก่อนก็วันก็ต้องปฎิบัติไปตามนั้น มิเช่นนั้น หากเกิดความเสียหายลูกจ้างก็ต้องรับผิดชอบ แต่นายจ้างต้องพิสูจน์ว่าเสียหายอย่างไร

นี่แหละครับ การพูดตรง บ้างครั้งก็เกิดผลกระทบเหมือนกัน ถ้านายจ้างใจไม่กว้างไม่กล้ารับความจริง ก็จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ล่ะครับ

ส่วนข้อแนะนำก็คือ เข้าไปคุยตรงๆว่าเราทำอะไรให้ไม่ถูกใจก็ขอโทษขอโพยไป หรือถ้าไม่อยากได้เราเป็นลูกจ้างแล้วก็เลิกจ้างเราซะและจ่ายค่าชดเชยมา หรือไม่อยากขอโทษ และไม่สนใจค่าชดเชย ก็คงมีทางเลือกเดียวก็คือ "ลาออก"

และไปหาความท้าทายใหม่ๆ และนึกไว้เสมอว่า ทุกวิกฤตมักจะมีโอกาสเสมอ ขอให้โชคดีครับ

ทนายพร