บริษัทผิดสัญญาจ้างงาน และได้รับความเสียหายจากการเซนต์สัญญานี้ค่ะ

[mk]

สวัสดีค่ะ ทนายพร
ช่วงนี้คำปรึกษาเกี่ยวกับคดีแรงงานอาจจะเยอะนะคะ นี่อาจจะเป็นอีกเคส ใครจะคิดว่าเซนต์สัญญาจ้างงานแล้วจะได้งานแน่นอน
เพราะตอนนี้จากที่เคยมีงานทำอยู่ดีๆ  กลับต้องมากลายสภาพเหมือนคนตกงาน เพราะการเซนต์สัญญากับที่ใหม่ค่ะ 
เนื่องจากบริษัทใหม่รบเร้าให้รีบลาออกให้ทันรอบการอบรม จึงปรึกษากับฝ่ายบุคคล บ.เก่า
ฝ่ายบุคคลแจ้งว่าให้เซนต์สัญญากับที่ใหม่ก่อนจึงค่อยลาออก จึงได้เซนต์สัญญากับที่ใหม่ และยื่นใบลาออกในวันถัดไป

และที่ใหม่ก็เลื่อนวันเริ่มงานออกไปเรื่อยๆ ค่ะ กรณีโควิด แต่พนักงานทุกคนก็ยังทำงาน wfh อยู่ บริษัทไม่ได้ปิดแต่อย่างใด
ในการเลื่อนวันเริ่มงานนี้ บริษัทไม่ได้คุยเรื่องเงินชดเชย
โดยในตอนแรกเลื่อน 1 เดือนก่อน และส่งสัญญาใหม่มาให้เซนต์
พอผ่านมา 1 เดือน ใกล้วันเริ่มงานรอบ 2 บริษัทกลับโทรมาเลื่อนงานอีกครั้ง ไปเป็นช่วงปลายปี เดือนกันยายน
ไม่สามารถรับได้กับเหตุการณ์นี้ และบริษัทหลีกเลี่ยงไม่เจรจาเงินชดเชย
เนื่องจากเห็นว่าสภาพการจ้างงานยังไม่เกิด จึงได้โทรไปปรึกษากับกรมคุ้มครองแรงงาน

กรมคุ้มครองแรงงานแจ้งว่าเราเป็นผู้ได้รับความเสียหาย แม้สภาพการจ้างจะยังไม่เกิด ให้ยื่นคำร้องค่าเสียหายกับศาลแรงงาน
โดยให้เบอร์ติดต่อของหน่วยนิติการมาน่ะค่ะ  อยากทราบว่า กรณีนี้ สามารถเรียกร้องค่าชดเชยในส่วนใดได้บ้าง
เพราะเงินเดือนของที่เก่าที่ค่อนข้างสูงค่ะ  และโชคร้ายมากที่แทนที่จะได้งาน หรือยังมีงานทำอยู่ที่ บ.เก่า กลับต้องมามีสภาพคล้ายคนตกงานซะแทน
ขอบคุณมากค่ะ 

 

[ทนายพร]

นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจาก Coronavirus ทำให้ไม่ได้ทำงานซะที

เอาล่ะ มาตอบเลย

กรณีอย่างนี้ เมื่อมีการเซ็นต์สัญญากับบริษัทใหม่แล้ว ถือว่า นิติสัมพันธ์ความเป็นนายจ้าง-ลูกจ้างเกิดขึ้นแล้ว

และการที่นายจ้างใหม่ไม่ให้ทำงานและไม่จ่ายค่าจ้างให้ (หมายถึงเลื่อนวันเริ่มงาน) ทำให้เราได้รับความเสียหาย

ถามว่า จะได้ค่าชดเชยมั๊ย? ตอบว่า ไม่ได้ครับ

ถามว่า แล้วจะเรียกร้องอะไรได้มั๊ย?  ตอบว่า เรียกร้องได้ครับ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเราเป็น "ผู้เสียหาย" เมื่อเป็นผู้เสียหายจึงมีสิทธิที่จะฟ้องต่อศาลว่านายจ้างใหม่รับเราเป็นลูกจ้างแล้ว โดยสัญญาว่าจะให้ค่าจ้างเท่านั้นเท่านี้บาท แต่เมื่อถึงกำหนดวันเริ่มงาน กลับไม่ให้ทำงาน และไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้ ทำให้เราได้รับความเสียหาย

เมื่อเสียหาย จึงสามารถฟ้องต่อศาลแรงงานเพื่อเรียกค่าเสียหายได้ครับ

ถามต่อว่า จะเรียกค่าเสียหายได้เท่าใหร่ล่ะ?

ก็ตอบว่า ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะเป็นผู้กำหนดโดยศาลจะดูพฤติการณ์และความเสียหายที่เราได้ครับ ในที่นี้ อนุมาณได้ว่า อาจจะคิดจากฐานค่าเจ้างเดิมที่เคยได้ คำนวณถึงวันที่คิดว่าเราน่าจะหางานใหม่ได้

ทั้งนี้ หากยื่นฟ้องบริษัทใหม่แล้ว ความสัมพันธ์ก็คงจะขาดกัน และคงจะร่วมงานกันไม่ได้ และสถานการณ์เช่นนี้ ก็ยากจะหางานใหม่ทำง่ายๆเช่นกัน

เอาเป็นว่าลองพิจารณาดูว่า หากบริษัทไม่จะเลื่อนอีก ก็ลองให้ยืนยันซักหน่อยว่า สุดท้ายแล้วจะให้เริ่มงานวันใหน หากถึงวันดังกล่าวแล้วยังขอเลื่อนอีก ทนายก็คิดว่าฟ้องเถอะ ถ้าขืนทำงานที่นี่ต่อไปอาจจะไม่มั่นคงก็เป็นได้

ขอให้โชคดีครับ

ทนายพร.

[mk]

สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ที่กรุณาเข้ามาตอบและให้คำแนะนำอย่างรวดเร็ว
ที่ตัดสินใจปรึกษากรมคุ้มครองแรงงาน เพราะเค้าเลื่อนมา 2 รอบแล้ว
รอบใหม่รอบที่ 3 นี้ให้รอไปถึงปลายปี  คงจะรอโดยไม่มีรายได้นานขนาดนั้นไม่ได้ค่ะ

และคิดว่าคงจะร่วมงานด้วยกันยากแล้ว ไม่รู้ว่าหากไปเริ่มทำงานอีกจะมีปัญหาตุกติกอะไรอีก
เนื่องจากเป็นบริษัทสัญชาติแขกน่ะค่ะ  ตามคำโบราณบอกให้ "ตีแขกก่อนตีงู"..ก็คงจะเป็นเช่นนั้นค่ะ 
ขอบคุณมากๆ นะคะ สำหรับคำแนะนำ และก็ขอพรให้ทนายพรมีความสุขและปลอดภัยจาก Covid19 นะคะ

[mk]

เรียน ทนายพร คะ
ขอรบกวนสอบถามเพิ่มเติมอีกครั้ง 1 ข้อค่ะ
ตอนนี้กำลังเตรียมเอกสารไปศาลแรงงานกลาง
และวันนี้ทางบริษัทได้ Email มาแจ้งการเลื่อนวันเริ่มงานอย่างเป็นทางการ
วันเริ่มงานอาทิตย์หน้า เลื่อนเป็นปลายปี

และลงท้ายจดหมายว่า   

"บริษัทยินดีและเข้าใจหากท่านจะตัดสินใจไม่ร่วมงานกับเรา และไปทำงานกับที่อื่น
เราอยากให้ท่านเข้าใจ กรุณาบอกการตัดสินใจของท่านกับเรา"

(แปลมาจากภาษาอังกฤษนะคะ) 
ควรตอบกลับไปอย่างไร ที่ไม่ให้กระทบต่ออำนาจการฟ้องของเรา
เพราะกำลังจะไปศาลแรงงานในอาทิตย์นี้อยู่แล้วน่ะค่ะ 

ขอบคุณมากค่ะ

นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจาก Coronavirus ทำให้ไม่ได้ทำงานซะที

เอาล่ะ มาตอบเลย

กรณีอย่างนี้ เมื่อมีการเซ็นต์สัญญากับบริษัทใหม่แล้ว ถือว่า นิติสัมพันธ์ความเป็นนายจ้าง-ลูกจ้างเกิดขึ้นแล้ว

และการที่นายจ้างใหม่ไม่ให้ทำงานและไม่จ่ายค่าจ้างให้ (หมายถึงเลื่อนวันเริ่มงาน) ทำให้เราได้รับความเสียหาย

ถามว่า จะได้ค่าชดเชยมั๊ย? ตอบว่า ไม่ได้ครับ

ถามว่า แล้วจะเรียกร้องอะไรได้มั๊ย?  ตอบว่า เรียกร้องได้ครับ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเราเป็น "ผู้เสียหาย" เมื่อเป็นผู้เสียหายจึงมีสิทธิที่จะฟ้องต่อศาลว่านายจ้างใหม่รับเราเป็นลูกจ้างแล้ว โดยสัญญาว่าจะให้ค่าจ้างเท่านั้นเท่านี้บาท แต่เมื่อถึงกำหนดวันเริ่มงาน กลับไม่ให้ทำงาน และไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้ ทำให้เราได้รับความเสียหาย

เมื่อเสียหาย จึงสามารถฟ้องต่อศาลแรงงานเพื่อเรียกค่าเสียหายได้ครับ

ถามต่อว่า จะเรียกค่าเสียหายได้เท่าใหร่ล่ะ?

ก็ตอบว่า ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะเป็นผู้กำหนดโดยศาลจะดูพฤติการณ์และความเสียหายที่เราได้ครับ ในที่นี้ อนุมาณได้ว่า อาจจะคิดจากฐานค่าเจ้างเดิมที่เคยได้ คำนวณถึงวันที่คิดว่าเราน่าจะหางานใหม่ได้

ทั้งนี้ หากยื่นฟ้องบริษัทใหม่แล้ว ความสัมพันธ์ก็คงจะขาดกัน และคงจะร่วมงานกันไม่ได้ และสถานการณ์เช่นนี้ ก็ยากจะหางานใหม่ทำง่ายๆเช่นกัน

เอาเป็นว่าลองพิจารณาดูว่า หากบริษัทไม่จะเลื่อนอีก ก็ลองให้ยืนยันซักหน่อยว่า สุดท้ายแล้วจะให้เริ่มงานวันใหน หากถึงวันดังกล่าวแล้วยังขอเลื่อนอีก ทนายก็คิดว่าฟ้องเถอะ ถ้าขืนทำงานที่นี่ต่อไปอาจจะไม่มั่นคงก็เป็นได้

ขอให้โชคดีครับ

ทนายพร.

[ทนายพร]

ให้ตอบไปว่า
"ขอบคุณสำหรับการแจ้งข่าวและสื่อสาร แต่เนื่องจากดิฉันได้ลาออกจากบริษัทเดิมและตกลงมาร่วมงานกับบริษัท โดยดิฉันคาดหวังว่าจะทำงานจวบจนเกษียณอายุงานและมั่นใจว่าสร้างผลงานและผลประโยชน์ให้กับบริษัทอย่างแน่นอน ซึ่งเราได้ข้อตกลงร่วมกันตามสัญญาจ้างที่ได้ลงนามทั้งสองฝ่ายแล้ว และบริษัทได้แจ้งวันเริ่มงานในวันที่...และขอเลื่อนวันเริ่มงานอีกครั้งเป็นวันที่....และท้ายสุดจะให้ดิฉันเริ่มงานในวันที่.....ซึ่งดิฉันคาดหวังว่าจะได้เริ่มทำงานตามกำหนดดังกล่าว ซึ่งหากต้องเลื่อนวันเริ่มงานออกไปอีก จะทำให้ดิฉันต้องได้รับความเดือดร้อน ขาดรายได้ ซึ่งดิฉันยังต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของตนเองและครอบครับ  ดังนั้น ดิฉันจึงขอยืนยันว่ายังประสงค์จะร่วมงานกับบริษัทต่อไป และขอยืนยันวันเริ่มงานในวันที่........และหวังว่าบริษัทจะเข้าใจดิฉัน ทั้งนี้ หากบริษัทไม่ประสงค์จะดิฉันเข้าทำงานหรือต้องการยกเลิกสัญญา ก็ขอให้แจ้งมาได้เพื่อที่ดิฉันจะได้ตัดสินใจในอนาคตต่อไป"

เอาแบบนี้เลย

ทนายพร.[/color][/size]

[mk]

ขอบคุณค่ะ 
ทนายตอบเหมือนเห็นอีเมล์ฉบับเต็มที่เค้าเขียนมาเลยค่ะ

ให้ตอบไปว่า
"ขอบคุณสำหรับการแจ้งข่าวและสื่อสาร แต่เนื่องจากดิฉันได้ลาออกจากบริษัทเดิมและตกลงมาร่วมงานกับบริษัท โดยดิฉันคาดหวังว่าจะทำงานจวบจนเกษียณอายุงานและมั่นใจว่าสร้างผลงานและผลประโยชน์ให้กับบริษัทอย่างแน่นอน ซึ่งเราได้ข้อตกลงร่วมกันตามสัญญาจ้างที่ได้ลงนามทั้งสองฝ่ายแล้ว และบริษัทได้แจ้งวันเริ่มงานในวันที่...และขอเลื่อนวันเริ่มงานอีกครั้งเป็นวันที่....และท้ายสุดจะให้ดิฉันเริ่มงานในวันที่.....ซึ่งดิฉันคาดหวังว่าจะได้เริ่มทำงานตามกำหนดดังกล่าว ซึ่งหากต้องเลื่อนวันเริ่มงานออกไปอีก จะทำให้ดิฉันต้องได้รับความเดือดร้อน ขาดรายได้ ซึ่งดิฉันยังต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของตนเองและครอบครับ  ดังนั้น ดิฉันจึงขอยืนยันว่ายังประสงค์จะร่วมงานกับบริษัทต่อไป และขอยืนยันวันเริ่มงานในวันที่........และหวังว่าบริษัทจะเข้าใจดิฉัน ทั้งนี้ หากบริษัทไม่ประสงค์จะดิฉันเข้าทำงานหรือต้องการยกเลิกสัญญา ก็ขอให้แจ้งมาได้เพื่อที่ดิฉันจะได้ตัดสินใจในอนาคตต่อไป"

เอาแบบนี้เลย

ทนายพร.[/color][/size]