28/03/24 - 21:18 pm


ผู้เขียน หัวข้อ: โดนบีบจากผู้มีอำนาจมากๆ  (อ่าน 8755 ครั้ง)

Miss Cheaim

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
โดนบีบจากผู้มีอำนาจมากๆ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2014, 08:24:24 am »
         เดิมที ดิฉันเป็นพนักงานประจำขอวบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับดูแลรูปร่างและความงาม โดยเปิดภายใต้คนละชื่อแบรนด์สินค้า ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัทแม่เดียวกันตำแหน่งงานของดิฉันคือ ที่ปรึกษาความงาม บทบาทหน้าที่คือการดูแลลูกค้าและงานขาย โดยมีการตกลงเรื่องรายได้อย่างชัดเจน 2 ส่วนหลักๆคือ เงินเดือนออกทุกสิ้นเดือน และค่าคอมมิชชั่นออกทุกวันที่ 20 ของทุกๆเดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ดิฉันได้สมัครงานโดยตรงกับทางส่วนกลางของบริษัทจากนั้นทางส่วนกลางจึงส่งต่อไปยังสาขา A ที่ดิฉันเลือกเพราะสะดวกต่อการดำเนินชีวิต เมื่อเข้าทำงานมีการเซ็นสัญญาทำงานเป็นลายลักษณ์อักษรเรียบร้อย จนกระทั่งพ้นการทดลองงาน   

        ดิฉันได้เลื่อนตำแหน่งปรับเงินเดือนเป็นซีเนียทันที เพราะมีผลงานตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด ทำงานมาได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ดิฉันถูกขอให้ย้ายไปสาขา B เพราะปัญหาของบริษัทเนื่องด้วยทางปลายสาขาที่ต้องการให้ดิฉันไปช่วยนั้น เกิดวิกฤตคือทีมขายพากันออกทั้งทีมรวมไปถึงผู้จัดการด้วยสาเหตุอะไรซึ่งดิฉันก็ไม่ทราบ แต่การย้ายสาขานั้นมีผลกระทบกับดิฉันอย่างมาก หลักๆด้านการดำเนินชีวิต จากที่เคยอยู่อาศัยบ้านตัวเองกับครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ป่วยด้วยโรคหัวใจทั้งคู่ ก็ต้องมาหาเช่าที่พักเพื่อให้สะดวกต่อการทำงาน เพราะสาขาที่ต้องย้ายไปไกลจากบ้านดิฉันมากๆ อีกทั้งการย้ายสาขาเท่ากับการที่ต้องนับ 1 ใหม่ด้านงานขายเพราะจะตัองสร้างฐานลูกค้าใหม่ รายรับลดลงรายจ่ายเพิ่มขึื้น ยังไม่ใช่ปัญหาหลักสำหรับดิฉัน แต่สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่มากๆอยู่ตอนนี้ก็คือ ดิฉันตอนนี้พ้นสภาพพนักงานโดยไม่เต็มใจ   
     
      เมื่อต้นเดือนดิฉันได้รับคำสั่งจากผู้ช่วยผู้บริหาร ให้กลับไปทำงานที่สาขา A ในวันรุ่งขึ้นทันที พอขอเหตุผล เขาได้แต่ตอบว่าทางสาขานี้ไม่มีใครคุมดิฉันได้ ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ใช่เหตุผลเลยแม้แต่น้อย เพราะดิฉันไม่ได้มีความประพฤติใดๆที่เป็นผลเสียต่อหน้าที่การงานหรือบริษัทเลยแม้แต่น้อย โดยส่วนตัวดิฉันกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าเป็นพนักงานที่ได้รับคำชมจากลูกค้าเยอะมาก เพราะดิฉันเป็นคนรักการบริการ ถ้าเรื่องผลงานดิฉันเป็นท๊อปเซลล์มาตลอดตั้งแต่ได้ปรับขึ้นตำแหน่ง กับเพื่อนร่วมงานถ้าสาขาเก่ายอมรับว่ามีที่ไม่ลงรอยกันบ้างตามประสาผู้หญิงและผลประโยชน์ที่ดิฉันโดนเขาฉวยโอกาสซึ่งดิฉันก็ไม่ยอม จึงทำให้เป็นประเด็นขึ้นมา แต่กับทางสาขาที่ย้ายมานี้ไม่มีปัญหาใดๆเลยแม้แต่น้อย และก็ยังเป็นที่รักของน้องๆและคุณหมอด้วย มีข้อเสียก็เรื่องป่วยง่ายกับมาสายบ้างบางครั้ง แต่ทั้งหมดไม่ได้ส่งผลกับการเป็นท๊อปเซลล์เลยแม้แต่น้อย ดิฉันยังคงรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองได้ไม่เคยต่ำกว่าที่บริษัทต้องการเลยตลอดเวลา 9 เดือนที่สาขา B

      คำสั่งย้ายกระทันหันนั้นทำให้ดิฉันไม่มีกระใจอยากจะร่วมงานกับบริษัทนี้ต่อหากจะต้องย้ายไปนับ 1 ใหม่ที่สาธารณะ A ที่ๆดิฉันหลุดพ้นมา ดิฉันได้ขอต่อรองกับนาย แต่นายก้ิยังคงยืนยันคำว่า ไม่ได้ไล่ออกนะ แต่หากต้องการทำงานที่นี่ต่อก็ต้องทำที่สาขา A เท่านั้น ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำถือว่าออกไปเลย ซึ่งในเวลาต่อมาช่วงแรกดิฉันยังคงหน้าด้านไปทำงานที่สาขา B เป็นปกติ แต่พอผู้จัดการเขตมาพบกลับต่อว่าดิฉันว่ามาทำอะไร ที่นี่ ไม่ได้ไปที่สาขา A ก็ถือว่าขาดงานแล้วจะมาทำไม ทำให้ดิฉันไม่กล้าที่จะไปทำงานอีกได้แต่รอปรึกษากับผู้จัดการว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี ทางผู้จัดการก็พยายามช่วบขอร้องให้ดิฉันได้กลับมาทำงานต่อที่สาขา  ดังเดิม เพื่อเห็นแก่ยอดขายของสาขาเพราะยอดทั้งหมด 40% มาจากส่วนที่ดิฉันทำ เพราะขณะที่ดิฉันตกอยู่ในสถานะการณ์แย่ๆนี้ทีมขายมีแค่ 3 คนเท่านั้น และมีดิฉันเป็นซีเนียเพียงคนเดียว แถมทางสาขานี้มีร้าน 2 ช็อปต้องวิ่งสลับดูทั้ง 2 ข้อเปรียบเทียบ แต่ทางนายก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิมคือหากดิฉันต้องการทำงานต่อที่นี่ก็ต้องไปสาขา A เท่านั้น

     ต่อมาเมื่อดิฉันไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการรอคำสั่งจากผู้จัดการสาขาเท่านั้น ไปๆมาๆทางผู้จัดการเขตก็บังคับให้แอดมินส่งอีเมลแจ้งสำนักงานว่า ดิฉันลาออก จึงทำให้ดิฉันพ้นสภาพพนักงานเป็นที่เรียบร้อย ผลที่ตามมาคือเงินค่าคอมมิชชั่น 85,xxx B. ถูกระงับการสั่งจ่ายในทันที ตามกฎของบริษัท ไม่ว่าดิฉันจะขอร้องอ้อนวอนอย่างไร กับทางผู้จัดการเขต...แต่ก็ไม่ได้รับความเมตตาเลยแม้แต่น้อย และการที่ดิฉันต้องมาตกงานและไม่ได้รับเงินในส่วนที่ควรจะต้องได้ตามกำหนดเวลา มันทำให้ดิฉันและครอบครัวเดือดร้อนเป็นอย่างมากเลยจริงๆ นอกจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอย่างเช่นเรื่องที่พักหรือการดำรงชีวิตปกติ ยังมีค่าเทอมหลาน 5 ขวบของดิฉันที่ไม่มีพ่อคอยส่งเสียเลี้ยงดูมีแต่แม่คือพี่สาวดิฉันซี่งทำงานเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวได้เงินเป็นรายวันเท่านัน และค่ารักษาพยาบาลประจำเดือนของคุณพ่อคุณแม่อีก

     จากกรณีที่เกิดขึ้นดิฉันอยากเรียนปรึกษาว่า พอจะทำอย่างไรเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมได้บ้าง

    .                                                                                                                   
กราบขอบพระคุณล่วงหน้าคะ
   
   

ทนายพร

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 750
    • ดูรายละเอียด
Re: โดนบีบจากผู้มีอำนาจมากๆ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2014, 06:38:26 pm »
ก่อนอื่นต้องขอให้กำลังในในภาวะยากลำบากในครั้งนี้ และขอให้ก้าวข้ามไปให้ได้ความความเข็มแข็งนะครับ


จากรายละเอียดวิเคราะห์เป็นข้อกฎหมายได้ใน 3 ประเด็น และจะขอตอบดังนี้ครับ


ประเด็นแรก เรื่องการโยกย้ายหน้าที่การงาน นายจ้างสามารถกระทำได้หรือไม่


การโยกย้ายหน้าที่การงานของลูกจ้างนั้น เป็นอำนาจบริหารของนายจ้าง ซึ่งมีแนวคำพิพากษาของศาลฏีกาได้วางบรรทัดฐานไว้หลายเรื่อง เกี่ยวกับเรื่องการโยกย้ายรวมทั้งการให้ความดีความชอบแก่ลูกจ้าง เป็นอำนาจการบริหาร ของนายจ้างที่จะกระทำได้ เพื่อให้กิจการของนายจ้างบรรลุผลและมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์แก่กิจการของนายจ้างมากที่สุด และหลักเกณฑ์ในการโยกย้ายนั้นกฏหมายมิได้บัญญัติไว้แต่ศาลฏีกาได้มีการวางแนวไว้โดยสรุปมีหลักเกณฑ์


ดังนี้ คือ ตำแหน่งใหม่ต้องไม่ต่ำกว่าเดิม,ค่าจ้างต้องไม่ต่ำกว่าเดิม,ต้องกระทำด้วยความเป็นธรรม ดังนั้น เมื่อนายจ้างมีคำสั่งให้ไปทำงานที่สาขา แต่เราไม่ไปจึงเป็นการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่าฝ่าฝืนคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย นายจ้างสามารถลงโทษได้ตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในหมวดวินัยและโทษ (ทุกบริษัทจะต้องมี) ซึ่งโทษที่ได้รับก็จะมีตั้งแต่ ตักเตือนด้วยวาจา , ตักเตือนเป็นลายเป็นหนังสือ , และเลิกจ้าง ซึ่งต้องดูเป็นกรณีๆไปครับ


ประเด็นที่ 2 เรื่องการเลิกจ้างมีผลเมื่อไหร่ และอย่างไรถึงจะถือว่าเป็นการเลิกจ้าง



พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ม. 118 วรรคสองบัญญัติว่า “การเลิกจ้างตามมาตรา นี้ หมายความว่า การกระทำใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างให้ ไม่ว่าจะ เป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด และหมายความ รวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุ ที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไป”


เมื่อพิจารณาจากรายละเอียดที่บรรยายมานั้น ต้องดูว่า เจตนาของนายจ้างประสงค์จะเลิกจ้างหรือเพียงโยกย้ายงานแล้วเราฝ่าฝืนคำสั่งนายจ้างจึงถือว่าเราละทิ้งต่อหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันซึ่งถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ อย่างไรก็ตามก็ต้องพิจารณาจากประเด็นที่หนึ่งประกอบด้วยครับ ทั้งนี้ หากเรายังไม่เซ็นต์ใบลาออก(หรือเรียกว่าการเลิกสัญญาจ้างต่อกัน) ก็ยังพอมีหวังโดยพิจารณาจากพฤติกรรมของนายจ้างอย่างละเอียดอีกครั้งครับ


ประเด็นที่ 3 นายจ้างไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่น ได้หรือไม่


ค่าคอมมิชชั่น ในภาษาไทยเรียกว่า "ค่าบำเหน็จ " หมายถึง เงินหรือผลประโยชน์ซึ่งเป็นส่วนแบ่งของจากราคาสินค้าที่เราขายได้ ซึ่งค่าคอมมิชชั่นของแต่ละสินค้าก็จะไม่เท่ากัน แล้วแต่ว่าบริษัทฯ จะกำหนดหรือตามที่ตกลงกัน ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากการจ่ายคอมมิชชั่นจึงไม่ถือเป็นค่าจ้าง แต่เป็นสวัสดิการประเภทหนึ่ง 


ดังนั้น เมื่อเป็นข้อตกลงเรื่องสวัสดิการที่นายจ้างตกลงจ่ายให้กับลูกจ้างเมื่อทำยอดขายได้ตามข้อกำหนดที่ตกลงกันไว้ ย่อมเป็นสิทธิของลูกจ้างที่จะได้รับค่าคอมมิชชั่น เพราะเป็นการคอมมิชชั่นรอบนี้ได้เกิดขึ้นแล้วตามจำนวนยอดขายที่ขายได้ นายจ้างจะกล่าวอ้างเพื่อจะหาเหตุไม่จ่ายไม่ได้ เป็นการเอาเปรียบลูกจ้าง


แต่ทั้งนี้ ต้องดูข้อตกลงเรื่องเงื่อนไขการจ่ายค่าคอมมิชชั่นด้วยว่าข้อตกลงเป็นธรรมหรือไม่ เป็นสัญญาที่เอาเปรียบลูกจ้างเกินไปหรือไม่ ซึ่งหากว่าเป็นข้อสัญญาที่เอาเปรียบก็สามารถนำคดีฟ้องต่อศาลแรงงานเพื่อบังคับให้นายจ้างจ่ายค่าคอมมิชชั่นดังกล่าวให้เราต่อไปครับ....


ขอให้โชคดีครับ

พรนารายณ์ ทุยยะค่าย
ทนายความ


Kietikunen

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
Re: โดนบีบจากผู้มีอำนาจมากๆ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2014, 04:39:48 pm »
ตามที่ทันแอดมินแนะนำเลยครับ สู้ๆ ครับ

Matsayari

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
Re: โดนบีบจากผู้มีอำนาจมากๆ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2014, 04:56:35 pm »
ืทำให้ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆหรือสิทธิ์ของคนทำงาน  และเป็นแนวทางที่ดีของสิทธิ์ในการทำงาน

coretang

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
Re: โดนบีบจากผู้มีอำนาจมากๆ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2014, 01:56:12 pm »
สู้ๆๆคะปันหาเข้ามาได้เดี๋ยวมันก้อผ่านออกไป