คดีก่อนอยู่ในระหว่างการคุมประพฤติ แล้วมาทำผิดซ้ำ อันนี้เรื่องใหญ่แล้วล่ะครับ
เพราะศาลจะมองว่า ถึงให้โอกาสก็ไม่น่าจะปรับตัวเป็นคนดีได้ หรือที่เรียกว่า มีพฤติกรรมทำผิดซ้ำซาก ส่วนใหญ่ศาลมักจะลงโทษจำคุกและไม่ปราณีครับ แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลล่ะครับ
ดังนั้น ขอฝากไว้ตรงนี้ว่า หากใครที่เดินหลงทาง ผิดทางไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เมือ่ได้รับความปราณีจากศาลแล้ว ก็อย่าไปทำผิดอีก และเลิกซะกับพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อย่าคิดว่าจะไม่โดนจับ เพราะข้อเท็จจริงอย่างที่รู้ๆกันว่า ตำรวจก็ต้องเลี้ยงสายลับไว้ เพื่อล่อซื้อ ซึ่งสายลับอยู่คือผู้ค้าผู้ขายหรือผู้ที่เคยเกี่ยวข้องนั่นแหละครับ อยู่ที่ตำรวจจะเข้าจับเมื่อใหร่เท่านั้น ดังนั้น อย่าคิดว่าจะรอดหูรอดตาไปได้นะครับ บอกเลยว่ารอดยาก
ส่วนความผิด พรบ.ฉุกเฉิน เป็นกรณีกระทำผิดต่างกรรม ก็ต้องรับโทษตามที่กำหนดไว้คือ จำคุกไม่เกิน ๒ ปี ปรับไม่เกิน ๔๐,๐๐๐.- บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนจะได้รอลงอาญาหรือไม่อยู่ที่พฤติการว่าเจตนาที่จะฝ่าฝืนหรือไม่ และอยู่ที่ดุลพินิจของศาล
ซึ่งทั้งสองคดีอยู่ในอำนาจการฟ้องของพนักงานอัยการ ก็ต้องไปลุ้นกันว่าพนักงานอัยการจะมีคำขอท้ายฟ้องให้นับโทษต่อหรือไม่ ไปลุ้นเอาครับ
ขอให้โชคดี
ทนายพร.