บริษัทไม่ได้ยุบหน่วยงานที่ลูกจ้างทำงาน แต่บริษัทเลือกเลิกจ้างลูกจ้างเพียงคนเดียวจากลูกจ้างในหน่วยงาน 30 คน โดยไม่ปรากฏหลักเกณฑ์การคัดเลือกและเหตุผล เป็นการเลิกจ้างที่ไม่มีเหตุอันสมควรเพียงพอ จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
อ้างอิงจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3653/2557 โดยมีสาระสำคัญของคำพิพากษา ดังนี้
- บริษัทให้การว่าจำเป็นต้องยุบหน่วยงานที่ลูกจ้างทำงาน แต่นำสืบว่าบริษัทต้องการลดตำแหน่งงานโดยไม่ได้นำสืบว่าบริษัทยุบหน่วยงานที่ลูกจ้างทำงาน เท่ากับบริษัทยอมรับว่าบริษัทไม่ได้ยุบหน่วยงานที่ลูกจ้างทำงาน
- คำพิพากษาศาลแรงงานกลางไม่ได้กล่าวหรือแสดงข้อเท็จจริงที่ฟังได้ได้ว่า เหตุใดบริษัทจึงต้องปรับลดหรือยุบแผนกในส่วนที่ลูกจ้างทำงาน มีเหตุผลหรือความจำเป็นใดที่จะต้องเลิกจ้างลูกจ้าง
- ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่ามีการยุบหน่วยงานที่ลูกจ้างทำงานจึงไม่ชอบ
- อีกทั้งไม่ปรากฏว่าบริษัทพยายามหางานในตำแหน่งเหมาะสมให้ลูกจ้างทำก่อนที่จะเลิกจ้างลูกจ้าง
- ถือได้ว่าบริษัทเลิกจ้างลูกจ้างโดยเลือกปฏิบัติ
- เป็นการไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 51 วรรคหนึ่ง
- ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรวินิจฉัยให้เป็นการเลิกจ้างที่ไม่มีเหตุอันสมควรเพียงพอ จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
คำพิพากษา
- ลูกจ้างฟ้องขอให้บังคับบริษัทรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานตามสภาพการจ้างเดิม และจ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายนับแต่วันเลิกจ้างถึงวันที่รับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินค่าจ้างดังกล่าวแต่ละเดือนจนกว่าจะรับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน หากมีเหตุไม่ควรรับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน ให้บริษัทจ่ายค่าเสียหาย 800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ลูกจ้าง
- ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
- ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า บริษัทเลิกจ้างลูกจ้างเพราะบริษัทมีเหตุจำเป็นที่จะต้องยุบแผนกในส่วนที่ลูกจ้างทำงาน โดยที่ไม่มีสาเหตุกลั่นแกล้งลูกจ้าง ลูกจ้างลงลายมือชื่อยอมรับการพ้นสภาพการเป็นพนักงานของบริษัทและรับเงินในส่วนที่ลูกจ้างพึงได้รับแล้ว แล้ววินิจฉัยว่า บริษัทเลิกจ้างลูกจ้างไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
- คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของลูกจ้างว่าการที่บริษัทเลิกจ้างลูกจ้างเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ เห็นว่า การวินิจฉัยว่าการเลิกจ้างเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 หรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาว่ามีเหตุแห่งการเลิกจ้างหรือไม่ และเหตุดังกล่าวเพียงพอแก่การเลิกจ้างหรือไม่เป็นสำคัญ
- คดีนี้บริษัทให้การต่อสู้อ้างเหตุแห่งการเลิกจ้างว่าจำเป็นต้องปรับลดหน่วยงานและยุบหน่วยงานที่ลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่อยู่ แม้ในคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางจะปรากฏผลแห่งคำวินิจฉัยว่าบริษัทมีเหตุจำเป็นที่จะต้องยุบแผนกในส่วนที่ลูกจ้างทำงาน โดยไม่มีสาเหตุกลั่นแกล้งลูกจ้าง การเลิกจ้างของบริษัทถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุอันควร ไม่ใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมก็ตาม
- แต่คำพิพากษาของศาลแรงงานกลางดังกล่าวไม่ได้กล่าวหรือแสดงข้อเท็จจริงที่ฟังได้โดยสรุป และไม่ปรากฏเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยว่าเหตุใดบริษัทจึงต้องปรับลดหรือยุบแผนกในส่วนที่ลูกจ้างทำงาน บริษัทมีความจำเป็นหรือมีเหตุผลใดที่จะต้องเลิกจ้างลูกจ้าง บริษัทได้พยายามหางานในตำแหน่งที่เหมาะสมให้ลูกจ้างทำก่อนที่จะเลิกจ้างลูกจ้างแล้วหรือไม่ บริษัทเลิกจ้างลูกจ้างโดยเลือกปฏิบัติหรือไม่
- การที่ศาลแรงงานกลางไม่ได้กล่าวหรือแสดงข้อเท็จจริงที่ฟังได้โดยสรุปครบถ้วนและไม่ได้ให้เหตุผลแห่งคำวินิจฉัย เช่นนี้ย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 51 วรรคหนึ่ง
- แต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาและข้อเท็จจริงในสำนวนยุติเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้จึงเห็นสมควรวินิจฉัยให้ดังนี้
- เมื่อบริษัทให้การว่าจำเป็นต้องยุบหน่วยงานที่ลูกจ้างทำงาน แต่บริษัทกลับนำสืบว่าบริษัทต้องการลดตำแหน่งงานโดยไม่ได้นำสืบว่าบริษัทยุบหน่วยงานที่ลูกจ้างทำงานเท่ากับบริษัทยอมรับว่าบริษัทไม่ได้ยุบหน่วยงานดังกล่าว ที่ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่ามีการยุบหน่วยงานที่ลูกจ้างทำงานจึงไม่ชอบ
- ดังนั้นข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบริษัทไม่ได้ยุบหน่วยงานที่ลูกจ้างทำงาน แต่บริษัทเลือกเลิกจ้างลูกจ้างเพียงคนเดียวจากจำนวนลูกจ้างในหน่วยงาน 30 คน โดยไม่ปรากฏหลักเกณฑ์การคัดเลือกและเหตุผล เป็นการเลิกจ้างที่ไม่มีเหตุอันสมควรเพียงพอ จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
- เมื่อลูกจ้างกับบริษัทไม่อาจทำงานร่วมกันต่อไปได้ เห็นสมควรให้บริษัทจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้างตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 จึงย้อนสำนวนไปยังศาลแรงงานกลางเพื่อพิจารณาพิพากษาใหม่
- โดยให้กำหนดจำนวนค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมซึ่งบริษัทต้องชำระแก่ลูกจ้าง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 56 วรรคสองและวรรคสาม
- พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 51
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 56
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84
เจ้าของสำนวน
สุนันท์ ชัยชูสอน
ผู้พิพากษาคนที่สอง
ชัยวัฒน์ เวียงธีรวัฒน์
ผู้พิพากษาคนที่สาม
วาสนา หงส์เจริญ
31/Mar/2015