ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม (justice delayed is justice denied) เฉกเช่นคำขวัญศาลแรงงานที่ว่า "ประหยัด สะดวก รวดเร็วและเที่ยงธรรม" ก็ด้วยการตระหนักว่าความยุติธรรมมิใช่เพียงการตัดสินโดยองค์กรตุลาการที่เป็นกลางเท่านั้น หากต้องมิใช่กระบวนการที่ใช้เวลายาวนาน เพราะคำตัดสินที่มาอย่างเชื่องช้าอาจทำให้ผู้ได้รับความเสียหายไม่สนใจต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ทั้งยังทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างคู่ความที่ไม่มีความเท่าเทียมกัน

อีก 4 เดือนข้างหน้า ประเทศไทยจะมีกฎหมายประกันสังคมฉบับใหม่ 2558 ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558

 

พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หรือมีผลบังคับใช้ 20 ตุลาคม 2558

 

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมที่ใช้บังคับในปัจจุบันมีบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

 

แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการแต่งตั้งที่ปรึกษาของคณะกรรมการประกันสังคมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการประกันสังคม ที่ปรึกษา และกรรมการการแพทย์และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการแพทย์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

 

แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการคำนวณค่าจ้างรายวันในการจ่ายเงินทดแทนการขาดรายได้ ยกเลิกการตัดสิทธิผู้ประกันตนซึ่งไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีจงใจหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำให้ตนประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย เพื่อขยายความคุ้มครองให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์มากยิ่งขึ้น

 

เพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และอัตราให้รัฐบาลออกเงินสมทบสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ และเพิ่มบทบัญญัติให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบในกรณีเกิดภัยพิบัติอย่างร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของนายจ้างรวมทั้งกำหนดโทษทางอาญา

 

ในกรณีนายจ้างไม่ยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบเพื่อให้การประกันสังคมเป็นไปตามวัตถุประสงค์และอำนวยประโยชน์แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

 

สาระสำคัญของพ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2558 ที่เวบไซด์แห่งนี้ได้รวบรวมประเด็นที่แก้ไขมานำเสนอ เพื่อจะได้ตามทันสถานการณ์ ประกอบด้วย

 

(1) ลูกจ้างที่ได้รับความคุ้มครองเพิ่ม ได้แก่

  • ลูกจ้างทำงานบ้านอันมิได้ประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย
  • ลูกจ้างชั่วคราวทุกประเภทของส่วนราชการ
  • ครูโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
  • ลูกจ้างของนายจ้างที่มีสำนักงานในประเทศ และไปประจำทำงานในต่างประเทศ
  • บุคคล ที่มิใช่ลูกจ้างตามมาตรา 33 หรือไม่อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม เช่น ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ , ลูกจ้างประจำของส่วนราชการ, ลูกจ้างที่เป็นนักเรียนนักศึกษาของโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ,ลูกจ้างชั่วคราวในภาคเกษตรกรรม ฯลฯ อาจสมัครใจเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ได้ โดยคุณสมบัติเป็นไปตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา

 

 

(2) ประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะได้รับเพิ่มขึ้นจากเดิม

 

(2.1) ประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ได้แก่

  • ครอบคลุมถึงค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคและค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ
  • เงิน ช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีผู้ประกันตนได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการ แพทย์ เมื่อสำนักงานจ่ายให้ผู้ประกันตนแล้ว ให้สำนักงานมีสิทธิไล่เบี้ยแก่ผู้กระทำผิดได้
  • ผู้ ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย หรือกรณีทุพพลภาพ หรือกรณีตาย แม้ปรากฏว่าการประสบอันตราย หรือการทุพพลภาพ หรือการตายนั้น เกิดขึ้นเพราะเหตุที่บุคคลดังกล่าวจงใจก่อให้เกิดขึ้น หรือยินยอมให้ผู้อื่นก่อให้เกิดขึ้น

 

(2.2) กรณีคลอดบุตร และสงเคราะห์บุตร

  • ได้ รับประโยชน์ทดแทนเร็วขึ้น คือ จ่ายเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะ 15 เดือนก่อนรับบริการทางการแพทย์ (เดิม 7 เดือน) แต่นิยามของ “คลอดบุตร” ยังเหมือนเดิม คือ การที่ทารกคลอดจากครรภ์มารดา ซึ่งมีระยะเวลาตั้งครรภ์ไม่น้อยกว่า 28 สัปดาห์ ไม่ว่าทารกมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่
  • ไม่กำหนดจำนวนครั้งการได้ประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตร (เดิมไม่เกิน 2 ครั้ง)
  • เพิ่มจำนวนบุตร 3 คนที่ผู้ประกันตนจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตร (เดิมไม่เกิน 2 คน)

 

(2.3) กรณีเสียชีวิต

  • ก่อน ถึงแก่ความตาย ถ้าผู้ประกันตนได้ส่งเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 120 เดือนขึ้นไป ให้จ่ายเงินสงเคราะห์เป็นจำนวน 50% ของค่าจ้างรายเดือนคูณด้วย 12

 

(2.4) กรณีชราภาพ

  • กำหนด ให้บุคคลที่ผู้ประกันตนทำหนังสือระบุไว้ เป็นผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพให้ได้รับหนึ่งส่วน นอกเหนือจากบุตรชอบด้วยกฎหมาย สามีหรือภรรยา และบิดามารดาได้

 

  • ผู้ประกันตนที่ไม่มีทายาท สามารถทำหนังสือระบุคคลผู้มีสิทธิรับบำเหน็จชราภาพไว้ล่วงหน้าก่อนตายได้

 

  • ผู้ ประกันตนที่ไม่ใช่สัญชาติ สามารถเลือกรับรับบำเหน็จชราภาพได้ ภายหลังการสิ้นสุดเป็นผู้ประกันตน ไม่ว่าจะส่งเงินสมทบครบ 180 เดือนหรือไม่ก็ตาม และและไม่ประสงค์จะพำนักอยู่ในประเทศไทย

 

(2.5) กรณีว่างงาน

  • ผู้ ประกันตนที่ไม่ได้ทำงาน เพราะเหตุสุดวิสัย หรือ นายจ้างไม่ให้ทำงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ ถ้าได้จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนที่ผู้ประกันตนว่างงาน ให้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง

 

(3) การบริหารและมีส่วนร่วม มีการปรับปรุงเพิ่มเติม ดังนี้

 

(3.1) องค์ประกอบและจำนวนของกรรมการประกันสังคม

  • เพิ่มกรรมการไตรภาคี เป็นฝ่ายละ 7 คน (เดิมฝ่ายละ 5 คน)
  • กรรมการฝ่ายรัฐบาล เพิ่มผู้แทนกระทรวงมหาดไทยและผู้แทนกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

 

 (3.2) ที่มาของกรรมการฝ่ายนายจ้าง และฝ่ายผู้ประตน และที่ปรึกษา

  • หลัก เกณฑ์และวิธีเลือกตั้งเป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตน สัดส่วนระหว่างหญิงและชาย รวมทั้งการมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิผลของคนพิการ และผู้ด้อยโอกาส
  • หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด โดยคำแนะนำของกรรมการ
  • คณะกรรมการประกันสังคมมีอำนาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 7 คนเป็นที่ปรึกษา (เดิมรัฐมนตรีตั้ง)

 

(3.3) คุณสมบัติของกรรมการฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายผู้ประกันตนและที่ปรึกษา (เดิมไม่ได้กำหนดไว้)

  • สัญชาติไทย
  • ไม่เป็นคนวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
  • ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
  • ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
  • ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก สำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
  • ไม่เคยต้องคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป้นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
  • ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือเลิกจ้างจากหน่วยงานของรัฐ หรือสถานประกอบกิจการเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่
  • ไม่เป็นคู่สัญญา  หรือมีประโยชน์ได้เสียในกิจการที่เป็นคู่สัญญา หรือมีธุรกิจเกี่ยวข้องกับสำนักงาน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
  • ไม่ เป็น หรือเคยเป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้ผู้บริหารท้องถิ่น หรือกรรมการหรือที่ปรึกษาของพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง เว้นแต่ได้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวไม่น้อยกว่า 3 ปี
  • กรรมการ ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่ต้องแสดงทรัพย์สินและหนี้สินโดยเปิดเผยต่อสาธารณชนไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่ครบกำหนดต้องยื่น

 

(3.4) วาระดำรงตำแหน่งของกรรมการประกันสังคมทุกฝ่าย

  • มีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ   2 ปี

 

(3.5) การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการประกันสังคม

  • เพิ่ม เรื่องคณะกรรมการประกันสังคมมีมติให้ออกเพราะบกพร่องต่อหน้าที่มีความ ประพฤติเสื่อมเสีย หรือหย่อนความสามารถ ด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ของจำนวนกรรมการที่มีอยู่ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

 

(3.6) องค์ประกอบและที่มาของคณะกรรมการการแพทย์

  • เพิ่มผู้แทนฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนฝ่ายละ 1 คน ในคณะกรรมการการแพทย์
  • เพิ่มกรรมการการแพทย์แต่งตั้งโดยวิธีการสรรหาตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด โดยคำแนะนำของกรรมการ

 

(3.7) ให้มีคณะกรรมการตรวจสอบ

  • รัฐมนตรีแต่งตั้งเพื่อกำกับดูแลความโปร่งใสได้มาตรฐาน และให้มีการตรวจสอบบัญชีภายในเป็นประจำ
  • หลักเกณฑ์วิธีการได้มา องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด โดยคำแนะนำของคณะกรรมการ

 

(3.8) ให้สำนักงานประกันสังคมจัดทำรายงานการประเมินสถานะกองทุน โดยแสดงรายรับ รายจ่าย และความสามารถในการดำเนินการในอนาคตเสนอต่อคณะกรรมการเป็นประจำทุกปี และให้เปิดเผยต่อสาธารณชน

 

 

ดู พ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2558 ได้ที่นี่ครับ click หรือกดตรงนี้



23/Jun/2015

เกาะติดข่าวกฎหมาย

>> อ่านต่อ

บทความพิเศษ

 7 มีนาคม 2567 : ผ่อนรถไม่ไหว อยากจะคืนรถทำอย่างไร 7 มีนาคม 2567 : ผ่อนรถไม่ไหว อยากจะคืนรถทำอย่างไร

ผ่อนรถไม่ไหว อยากจะคืนรถทำอย่างไร   ทนายพรนารายณ์ ทุยยะค่าย 6 มีค. 67   &nb...

>> บทความอื่นๆ

กฎหมาย

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2550)
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.)
ประมวลกฎหมายอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522
พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533
พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537
พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543
พระราชกำหนด การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กระทรวงแรงงาน
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กรมจัดหางาน
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
สำนักงานประกันสังคม
สำนักแรงงานสัมพันธ์
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
สำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ
ศาลแรงงานกลาง
คณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร
คณะกรรมาธิการการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา