ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม (justice delayed is justice denied) เฉกเช่นคำขวัญศาลแรงงานที่ว่า "ประหยัด สะดวก รวดเร็วและเที่ยงธรรม" ก็ด้วยการตระหนักว่าความยุติธรรมมิใช่เพียงการตัดสินโดยองค์กรตุลาการที่เป็นกลางเท่านั้น หากต้องมิใช่กระบวนการที่ใช้เวลายาวนาน เพราะคำตัดสินที่มาอย่างเชื่องช้าอาจทำให้ผู้ได้รับความเสียหายไม่สนใจต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ทั้งยังทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างคู่ความที่ไม่มีความเท่าเทียมกัน
ข้อสังเกตจากสำนักงานทนายความและที่ปรึกษากฎหมายพรนารายณ์และเพื่อนต่อประกาศสำนักงานประกันสังคมทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว
เดิมทุพพลภาพ จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 50 % ของค่าจ้างตลอดชีวิต โดยผู้ประกันตนจะต้องสูญเสียสมรรถภาพของร่างกายร้อยละ 50 ถึงจะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพ แต่ประกาศทั้ง 3 ฉบับนี้ ผู้ประกันตนซึ่งสูญเสียสมรรถภาพไม่ถึงร้อยละ 50 ของร่างกาย (ทุพพลภาพระดับความสูญเสียไม่รุนแรง) มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพเช่นเดียวกัน
โดยกรณีทุพพลภาพมีระดับความสูญเสียไม่รุนแรง ตั้งแต่ร้อยละ 35 ขึ้นไป แต่ไม่ถึงร้อยละ 50 มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างรายวันตามมาตรา 57 ตลอดระยะเวลาที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ ทั้งนี้ไม่เกิน 180 เดือน
และกรณีทุพพลภาพระดับความสูญเสียรุนแรง ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไปมีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวันไปตลอดชีวิต
มีรายละเอียดดังนี้
ประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ในกรณีทุพพลภาพ
ดูรายละเอียด
หลักเกณฑ์การทุพพลภาพ มี 2 ระดับ ดังนี้
(1) ทุพพลภาพมีระดับความสูญเสียไม่รุนแรง ได้แก่ การสูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพ
ของอวัยวะหรือของร่างกาย หรือสูญเสียสภาวะปกติทางจิตใจจนทำให้ความสามารถในการทำงานปกติลดลงถึงขนาดไม่อาจประกอบการงานตามปกติได้ เมื่อประเมินการสูญเสียตั้งแต่ร้อยละสามสิบห้าขึ้นไปแต่ไม่ถึงร้อยละห้าสิบ
(2) ทุพพลภาพมีระดับความสูญเสียรุนแรง ได้แก่
(ก) การสูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะหรือของร่างกาย หรือสูญเสียสภาวะปกติทางจิตใจจนทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงถึงขนาดไม่อาจประกอบการงานตามปกติได้
เมื่อประเมินการสูญเสียตั้งแต่ร้อยละห้าสิบขึ้นไป
(ข) การสูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะหรือของร่างกาย ดังต่อไปนี้
(1) มือขาดทั้งสองข้างตั้งแต่ระดับข้อมือขึ้นไป
(2) ขาขาดทั้งสองข้างตั้งแต่ระดับเข่าขึ้นไป
(3) สูญเสียขาข้างหนึ่งระดับเหนือเข่าขึ้นไปกับขาข้างหนึ่งขาดระดับข้อเท้าขึ้นไป
(4) โรคหรือการบาดเจ็บของสมอง เป็นเหตุให้สูญเสียความสามารถของอวัยวะของร่างกายจนไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันที่จำเป็นได้ และต้องมีผู้อื่นมาช่วยเหลือดูแล
(5) การสูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะหรือของร่างกาย หรือสูญเสียสภาวะปกติทางจิตใจจนทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงถึงขนาดไม่อาจประกอบการงานตามปกติได้เมื่อประเมินการสูญเสียตั้งแต่ร้อยละห้าสิบขึ้นไป
ผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยประสงค์ขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพจะต้องไปรับการประเมินการสูญเสียอวัยวะหรือสมรรถภาพของอวัยวะหรือของร่างกาย หรือการสูญเสียสภาวะปกติทางจิตใจจากแพทย์ และให้คณะกรรมการการแพทย์หรือคณะอนุกรรมการเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัย
เว้นแต่ในกรณีทุพพลภาพ (๑) มือขาดทั้งสองข้างตั้งแต่ระดับข้อมือขึ้นไป (๒) ขาขาดทั้งสองข้างตั้งแต่ระดับเข่าขึ้นไป (๓) สูญเสียขาข้างหนึ่งระดับเหนือเข่าขึ้นไปกับขาข้างหนึ่งขาดระดับข้อเท้าขึ้นไป การพิจารณาวินิจฉัยให้เป็นอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประกันสังคม
ประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ อัตรา วิธีการพิจารณาสั่งเพิ่มหรือลดเงินทดแทนการขาดรายได้เนื่องจากทุพพลภาพ
ดูรายละเอียด
(1) รายได้จากการทำงานมากกว่า 1.5 เท่าของเงินทดแทนการขาดรายได้ให้ลดเงินทดแทนการขาดรายได้ลง 10 %
(2) รายได้จากการทำงานมากกว่า 2 เท่าของเงินทดแทนการขาดรายได้ให้ลดเงินทดแทนการขาดรายได้ลง 20 %
(3) รายได้จากการทำงานมากกว่า 2.5 เท่าของเงินทดแทนการขาดรายได้ให้ลดเงินทดแทนการขาดรายได้ลง 30 %
(4) รายได้จากการทำงานมากกว่า 3 เท่าของเงินทดแทนการขาดรายได้ให้ลดเงินทดแทนการขาดรายได้ลง 40 %
(5) รายได้จากการทำงานมากกว่า 3.5 เท่าของเงินทดแทนการขาดรายได้ให้ลดเงินทดแทนการขาดรายได้ลง 50 %
ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 เรื่อง กำหนดอัตรา และระยะเวลาการได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ
ดูรายละเอียด
(1) กรณีทุพพลภาพมีระดับความสูญเสียไม่รุนแรงให้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ ดังนี้
(1.1) กรณีผู้ประกันตนที่เป็นผู้ทุพพลภาพจนทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงถึงขนาดไม่อาจประกอบการงานตามปกติและงานอื่นใดได้ ให้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตรา
ร้อยละสามสิบของค่าจ้างรายวันตามมาตรา 57 ตลอดระยะเวลาที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ทั้งนี้ไม่เกินระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบเดือน
(1.2) กรณีผู้ประกันตนที่เป็นผู้ทุพพลภาพจนทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงถึงขนาดไม่อาจประกอบการงานตามปกติและมีรายได้ลดลงจากเดิม ให้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในส่วนที่ลดลงแต่ไม่เกินร้อยละสามสิบของค่าจ้างรายวันตามมาตรา 57 ไม่เกินระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบเดือน
(1.3) กรณีผู้ประกันตนที่เป็นผู้ทุพพลภาพตาม (1.2) สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนให้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราร้อยละสามสิบของค่าจ้างรายวันตามมาตรา 57 ตลอดระยะเวลาที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ ทั้งนี้ เมื่อรวมกับระยะเวลาที่ผู้ประกันตนได้รับไปแล้วตาม (1.2) ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบเดือน
(2) กรณีทุพพลภาพมีระดับความสูญเสียรุนแรงให้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราร้อยละห้าสิบของค่าจ้างรายวันตามมาตรา 57 ตลอดชีวิต
ข้อ 2 กรณีทุพพลภาพมีระดับความสูญเสียรุนแรง ได้แก่
(1) มือขาดทั้งสองข้างตั้งแต่ระดับข้อมือขึ้นไป
(2) ขาขาดทั้งสองข้างตั้งแต่ระดับเข่าขึ้นไป
(3) สูญเสียขาข้างหนึ่งระดับเหนือเข่าขึ้นไปกับขาข้างหนึ่งขาดระดับข้อเท้าขึ้นไป
(4) โรคหรือการบาดเจ็บของสมอง เป็นเหตุให้สูญเสียความสามารถของอวัยวะของร่างกายจนไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันที่จำเป็นได้ และต้องมีผู้อื่นมาช่วยเหลือดูแล
(5) การสูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะหรือของร่างกาย หรือสูญเสียสภาวะปกติทางจิตใจจนทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงถึงขนาดไม่อาจประกอบการงานตามปกติได้ เมื่อประเมินการสูญเสียตั้งแต่ร้อยละห้าสิบขึ้นไป
click อ่านได้ที่นี่...
อ่านข่าวแรงงาน CLICK ที่นี่...
อ่านข่าว click ที่นี่...
อ่านข่าวมติชน click ที่นี่...
อ่านรายชื่อได้ที่นี่...
ผ่อนรถไม่ไหว อยากจะคืนรถทำอย่างไร ทนายพรนารายณ์ ทุยยะค่าย 6 มีค. 67 &nb...
CLICK ที่นี่...
ค้นหากดที่นี่...
CLICK ที่นี่...