ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม (justice delayed is justice denied) เฉกเช่นคำขวัญศาลแรงงานที่ว่า "ประหยัด สะดวก รวดเร็วและเที่ยงธรรม" ก็ด้วยการตระหนักว่าความยุติธรรมมิใช่เพียงการตัดสินโดยองค์กรตุลาการที่เป็นกลางเท่านั้น หากต้องมิใช่กระบวนการที่ใช้เวลายาวนาน เพราะคำตัดสินที่มาอย่างเชื่องช้าอาจทำให้ผู้ได้รับความเสียหายไม่สนใจต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ทั้งยังทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างคู่ความที่ไม่มีความเท่าเทียมกัน
ระหว่างกำลังดื่มด่ำกับกาแฟถ้วยโปรด ดิฉันก็นั่งอ่านบทความเรื่องหนึ่งไปด้วย พลันก็ทำให้กาแฟตรงหน้าราวกับไม่อร่อยไปพริบตาและไม่อยากดื่มอีกต่อไป หลังจากได้อ่านบทความของยงยุทธ แฉล้มวงษ์ จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยเรื่อง “ถึงเวลาปรับค่าจ้างขั้นต่ำได้หรือยัง” ซึ่งเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์คมชัดลึกเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา และอยู่ในช่วงเวลาที่คณะกรรมการค่าจ้างจะมีการพิจารณาขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำปี 2560 ในวันที่ 14 กันยายน 2559 ที่จะถึงนี้
โดยมีแนวโน้มว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะพิจารณาเป็นรายพื้นที่แทน โดยอ้างอิงจากภาพรวมการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่อนุกรรมการค่าจ้างจังหวัด 77 จังหวัด เสนอมาที่ 4-60 บาท ใน 13 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ สกลนคร พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ชลบุรี อ่างทอง สระบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร กระบี่ ภูเก็ต นราธิวาส ส่วนอีก 64 จังหวัดที่เหลือไม่เสนอขอปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำแต่อย่างใด
แม้เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปไม่ว่าจะซื้อกาแฟ Amazon , Starbucks , D'Oro, Black Canyon , บ้านไร่กาแฟ กระทั่งในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น (7-Eleven) ที่จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก หนองคาย นครสวรรค์ สงขลา ฉะเชิงเทรา สระบุรี นครราชสีมา สมุทรสงคราม หรือในกรุงเทพ รสชาติจะเหมือนกันทุกร้าน เฉกเช่นเดียวกับราคาที่ต้องจ่ายค่ากาแฟก็จะเท่ากันหมดทุกพื้นที่
สาระสำคัญในบทความสามารถสรุปได้ว่า
(1) นับตั้งแต่ประเทศไทยขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับแรงงานแรกเข้าเป็น 300 บาท และใช้มาตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ปรากฏว่ายังมีแรงงานทั่วประเทศไม่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ 2.11 ล้านคน หรือ 14.8 % โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบการที่มีคนทำงานไม่เกิน 50 คน ในจังหวัดนราธิวาส (67 %) แม่ฮ่องสอน (58 %) ปัตตานี (55 %) ยะลา (55 %) ตรัง (52 %) ตาก (48 %) สตูล (48 %) กำแพงเพชร (47 %) แพร่ (46 %) และระนอง (4.3 %)
(2) แม้สหภาพแรงงานจะเรียกร้องมาตั้งแต่ปี 2558 แต่คณะกรรมการค่าจ้างแห่งชาติก็ยังขอเวลาตรวจสอบข้อมูลจากคณะกรรมการค่าจ้างจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีความพร้อมที่จะเห็นด้วยที่จะให้ขึ้นค่าจ้างมีมากขึ้นเป็นหลัก 10 จังหวัด (ไม่ทราบจำนวนชัดเจน) ด้วยเรื่องค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งแน่นอนไม่เท่ากันในแต่ละจังหวัด และทำให้ค่าเงิน 300 บาทที่เคยได้รับ เมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้อำนาจซื้อของแรงงานในแต่ละจังหวัดลดลงทุกปีไปด้วย
(3) ปัจจัยที่ไม่สนับสนุนการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เช่น ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง, ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะฟื้นตัวช้า และควันหลงจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศก็ยังไม่หมดไป
(4) ข้อเสนอส่วนตัวของผู้เขียน คือ ขอให้คณะกรรมการค่าจ้างแห่งชาติพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำโดยอัตโนมัติตามสภาวะของค่าเฉลี่ยดัชนีค่าครองชีพ (CPI) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาให้กับแรงงานทุกจังหวัดโดยอัตโนมัติ เนื่องจาก CPI แต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน ดังนั้นค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับจะไม่เท่ากันในแต่ละจังหวัด
(5) ส่วนนายจ้างจะขึ้นค่าจ้างเพิ่มเติมจากค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับตามค่าครองชีพแล้ว (การขึ้นค่าจ้างประจำปี) เป็นเรื่องของผู้ประกอบการที่จะพิจารณากันต่อไปเอง และจะให้ดียิ่งขึ้นไปอีกนายจ้างก็ควรขึ้นค่าจ้างตามความสามารถหรือสมรรถนะของแรงงาน ก็จะทำให้ทั้งแรงงานและนายจ้างมีความพึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ใครบางคนเคยบอกดิฉันไว้ว่า “แค่เกิดมาเป็นกรรมกรในโรงงาน ทำงานได้แค่ในไลน์ผลิต ก็ผิดตั้งแต่เกิดแล้ว” คำพูดนี้จึงไม่เลื่อนลอยแต่อย่างใดเลย เราแทบจะไม่เคยเห็นการออกมาตั้งคำถามของสังคมต่อเรื่องการขึ้นเงินเดือนของข้าราชการ นักการเมือง ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กระทั่งภาครัฐวิสาหกิจ ว่าทำไมต้องขึ้นเงินเดือนเท่ากันทั่วประเทศ ทำไมไม่ขึ้นเงินเดือนคนเหล่านี้ตามดัชนีค่าครองชีพ (CPI) ในแต่ละจังหวัดแทน เหมือนกรรมกรในโรงงานบ้าง
รศ.แล ดิลวิทยรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงต้องย้ำบ่อยครั้งว่า
“ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเรื่องของลูกจ้าง เป็นค่าต่อลมหายใจ จะเอาฐานะที่แตกต่างของนายจ้างมากำหนดปากท้องของลูกจ้างไม่ได้ ค่าจ้างขั้นต่ำไม่ใช่ตัวแปรที่หมุนไปตามกำลังจ่ายของนายจ้าง ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นปัจจัยชนิดที่ต่อรองไม่ได้ ไม่ใช่แบบค่าจ้างทั่วไปหรือโบนัสที่จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามสภาพผลประกอบการ
ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำก็ไปลดค่าจ้างอื่นๆ ลดรายจ่ายอื่นๆ ไม่ใช่เอามาต่อรองให้ลูกจ้างกินน้อยอยู่น้อยอย่างต่ำกว่าระดับความจำเป็นที่จะดำรงชีวิตได้
เป็นเอสเอ็มอีก็น่าเห็นใจถ้าจ่ายไม่ไหว แต่คำถามคือ รัฐบาลจะเห็นความจำเป็นที่ต้องมีเอสเอ็มอีนั้นไว้หรือไม่ ถ้าจำเป็น รัฐบาลก็ต้องหาทางช่วย แต่ถ้าไม่จำเป็น การที่คุณประกอบธุรกิจใดๆ แล้วไม่สามารถเลี้ยงคนให้เป็นคนได้ คุณมีสิทธิประกอบธุรกิจนั้นหรือไม่”
ดิฉันขอใช้พื้นที่นี้อีกครั้งในการถกเถียงว่า “ทำไมกรรมกร-คนงานต้องปรับค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศ” ซึ่งแน่นอนจะกี่บาทก็ว่ากันไป แม้จะเบื่อหน่าย หงุดหงิด และเอือมระอากับพวกนักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักมากเพียงใดก็ตาม กับความซ้ำซากในการอธิบายเรื่องนี้เมื่อเสียงกรรมกรเบาหวิว ไร้สาระ และไม่เคยถูกรับฟังอย่างจริงจังเสียที
อ่านต่อทั้งฉบับได้ที่นี่ download หรือ click ที่นี่
click อ่านได้ที่นี่...
อ่านข่าวแรงงาน CLICK ที่นี่...
อ่านข่าว click ที่นี่...
อ่านข่าวมติชน click ที่นี่...
อ่านรายชื่อได้ที่นี่...
ผ่อนรถไม่ไหว อยากจะคืนรถทำอย่างไร ทนายพรนารายณ์ ทุยยะค่าย 6 มีค. 67 &nb...
CLICK ที่นี่...
ค้นหากดที่นี่...
CLICK ที่นี่...