ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม (justice delayed is justice denied) เฉกเช่นคำขวัญศาลแรงงานที่ว่า "ประหยัด สะดวก รวดเร็วและเที่ยงธรรม" ก็ด้วยการตระหนักว่าความยุติธรรมมิใช่เพียงการตัดสินโดยองค์กรตุลาการที่เป็นกลางเท่านั้น หากต้องมิใช่กระบวนการที่ใช้เวลายาวนาน เพราะคำตัดสินที่มาอย่างเชื่องช้าอาจทำให้ผู้ได้รับความเสียหายไม่สนใจต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ทั้งยังทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างคู่ความที่ไม่มีความเท่าเทียมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่ม อลิอันซ์ ยักษ์ใหญ่วงการการเงิน และประกัน และการลงทุน ของเยอรมนี ได้เปิดเผย “รายงานความมั่งคั่งทั่วโลก” (“Global Wealth Report”) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสินทรัพย์และสถานการณ์ของหนี้ครัวเรือนในกว่า 50 ประเทศ โดย ดร.ไมเคิล ไฮส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมนี ผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า พัฒนาการของสินทรัพย์ทางการเงินได้มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ และเห็นได้ชัดว่าการดำเนินนโยบายการเงินที่สุดโต่งกำลังไร้ผล แม้แต่ต่อราคาสินทรัพย์เอง เป็นผลให้ตัวขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับการเติบโตของสินทรัพย์ไม่มีเหลืออยู่เลย ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยยังคงขยับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีตัวช่วยอื่นที่จะมาสนับสนุนการเติบโต
ทั้งนี้ในรายงานดังกล่าวระบุว่า ในปี 2559 นี้ อัตราการเจริญเติบโตที่ชะลอตัวลงเกิดขึ้นในยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งหนักที่สุด ในยุโรปตะวันตก (เติบโต 3.2%) และสหรัฐอเมริกา (เติบโต 2.4%) ถือเป็นการเติบโตของสินทรัพย์ลดลงมากกว่าครึ่ง ในขณะที่ เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) สินทรัพย์ทางการเงินขยายตัวถึง 14.8% ทั้งนี้ สินทรัพย์ทางการเงินรวมทั่วโลก จำนวน 155 ล้านล้านยูโร (6,000 ล้านล้านบาท) อยู่ในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) คิดเป็น 18.5% ตัวเลขนี้แสดงว่าไม่เพียงแต่สัดส่วนของสินทรัพย์ที่ถือครองโดยภูมิภาคนี้มี มากขึ้นถึงสามเท่านับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา แต่ส่วนแบ่งของภูมิภาคขณะนี้ดีกว่ายูโรโซน ( 14.2%) อย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่หนี้ภาคครัวเรือนในปี 2558 อยู่ที่ 4.5% ขยายตัวในอัตราเดียวกันกับในปี 2557 โดยรวมแล้ว หนี้ภาคครัวเรือนสูงถึง 386 ล้านล้านยูโร (1.5 หมื่นล้านล้านบาท) ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์จะเห็นได้ว่า ในแต่ละภูมิภาคมีพัฒนาการที่แตกต่างกันมาก อาทิ ในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) การเติบโตของหนี้สูงขึ้น และในบางประเทศ เช่น เกาหลีใต้ หรือ มาเลเซีย อัตราส่วนหนี้ เช่น หนี้สินภาคครัวเรือนวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อผลผลิตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ระดับ เดียวกับที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ หรือ สเปน ที่หนี้สำหรับที่อยู่อาศัยพุ่งทะยานสูงขึ้น
ขณะที่ประเทศไทย การเติบโตของหนี้สินภาคครัวเรือนมีอัตราสูงกว่าการเติบโตของสินทรัพย์ โดยที่เงินฝากและสินทรัพย์ รวมถึงประกันชีวิตและกองทุนบำเหน็จบำนาญเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 2% และสินทรัพย์ในหลักทรัพย์ลดลง 10% เนื่องจากตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก ทั้งนี้ด้วยภาวะการเติบโตอย่างสม่ำเสมอของสินเชื่อ ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนต่อ GDP เพิ่มขึ้นจาก 45.1% เป็น 81.6% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยอัตราส่วนสินทรัพย์ต่อ GDP และปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 107.9% ในปี 2548 เป็น 119.2% ณ สิ้นปี 2558 ส่งผลให้ภาคครัวเรือนไทยมีอัตราส่วนสินทรัพย์ต่อหนี้สินเลวร้ายที่สุดจากทุก ประเทศในแถบเอเชียที่รายงานนี้ได้ทำการวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีสินทรัพย์ทางการเงินต่อหัวสุทธิอยู่ในอันดับที่ 45 ในการจัดอันดับโลก และอันดับที่ 8 ในการจัดอันดับเอเชีย
ทั้งนี้ สินทรัพย์ทางการเงินรวมต่อหัวของประเทศไทยคิดเป็นจำนวนเงิน 6,070 ยูโร (238,000 บาท) แต่หลังจากหักหนี้สินแล้ว สินทรัพย์ทางการเงินสุทธิของคนไทยเฉลี่ยหดตัวลงเหลือเพียง 1,920 ยูโร (75,000 บาท) จำนวนเงินนี้ลดต่ำลงในประเทศอินเดียและอินโดนีเซีย และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีสินทรัพย์สุทธิต่อหัวสูง เช่น ประเทศมาเลเซีย ซึ่งถูกมองว่ากำลังจะเป็นประเทศที่ร่ำรวยในภูมิภาคนี้ ค่าเฉลี่ยของประเทศมาเลเซียตอนนี้คิดเป็น 4 เท่าของค่าเฉลี่ยสินทรัพย์สุทธิต่อหัวของคนไทย นั่นคือ 7,670 ยูโร (300,456 บาท) ขณะที่ในประเทศญี่ปุ่นสินทรัพย์ทางการเงินสุทธิต่อหัวสูงถึง 83,890 ยูโร (3,286,215 บาท) ซึ่งมากกว่าของประเทศไทยถึง 43 เท่า ดังนั้น ภาคครัวเรือนไทยยังคงต้องพยายามที่จะลดภาระหนี้เพื่อช่วยฟื้นฟูสถานะทางการเงินให้ดีขึ้น
click อ่านได้ที่นี่...
อ่านข่าวแรงงาน CLICK ที่นี่...
อ่านข่าว click ที่นี่...
อ่านข่าวมติชน click ที่นี่...
อ่านรายชื่อได้ที่นี่...
ผ่อนรถไม่ไหว อยากจะคืนรถทำอย่างไร ทนายพรนารายณ์ ทุยยะค่าย 6 มีค. 67 &nb...
CLICK ที่นี่...
ค้นหากดที่นี่...
CLICK ที่นี่...