ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม (justice delayed is justice denied) เฉกเช่นคำขวัญศาลแรงงานที่ว่า "ประหยัด สะดวก รวดเร็วและเที่ยงธรรม" ก็ด้วยการตระหนักว่าความยุติธรรมมิใช่เพียงการตัดสินโดยองค์กรตุลาการที่เป็นกลางเท่านั้น หากต้องมิใช่กระบวนการที่ใช้เวลายาวนาน เพราะคำตัดสินที่มาอย่างเชื่องช้าอาจทำให้ผู้ได้รับความเสียหายไม่สนใจต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ทั้งยังทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างคู่ความที่ไม่มีความเท่าเทียมกัน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2557 ศาลแรงงานกลาง (มีนบุรี) ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 22326-22404 /2555 เกี่ยวกับการจ้างเหมาค่าแรง ตามมาตรา 11/1 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นต้องเข้าใจก่อนว่า มาตรา 11/1 ได้บัญญัติไว้ว่า
“ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการมอบหมายให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นผู้จัดหาคนมาทำงาน อันมิใช่การประกอบธุรกิจจัดหางาน โดยการทำงานนั้นเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดในกระบวนการผลิตหรือธุรกิจในความรับผิด ชอบของผู้ประกอบกิจการ และโดยบุคคลนั้นจะเป็นผู้ควบคุมดูแลการทำงานหรือรับผิดชอบในการจ่ายค่าจ้าง ให้แก่คนที่มาทำงานนั้นหรือไม่ก็ตาม ให้ถือว่าผู้ประกอบกิจการเป็นนายจ้างของคนที่มาทำงานดังกล่าว
ให้ผู้ประกอบกิจการดำเนินการให้ลูกจ้างรับเหมาค่าแรงที่ทำงานในลักษณะเดียวกัน กับลูกจ้างตามสัญญาจ้างโดยตรง ได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ”
ดังนั้นเมื่อมีการตีความมาตราดังกล่าว จึงเห็นได้ว่า
(1) ที่มาที่ไปของคำพิพากษา : จุดเริ่มต้นจากคดีหมายเลขแดงที่ มบ.209,227 – 229, 272 – 350/2553
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2553 ศาลแรงงานกลาง (มีนบุรี) ได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ มบ.209, 227–229, 272–350/2553
สามารถสรุปสาระสำคัญของคำพิพากษาได้ดังนี้
(1.1) โจทก์ ได้แก่ ลูกจ้างเหมาแรงงาน จำนวน 83 คน ส่วนจำเลยที่ 1 คือ สถานประกอบการที่เป็นผู้ว่าจ้างเหมาค่าแรง ในที่นี้ คือ บริษัท เอฟ ซี ซี (ไทยแลนด์) จำกัด และจำเลยที่ 2-4 คือ บริษัทรับจ้างเหมาค่าแรง จำนวน 3 บริษัทตามลำดับ ได้แก่ บริษัททิตาราม เฮ้าท์วอร์สซิ่ง จำกัด บริษัทเอ ทีม วัน อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิส จำกัด และบริษัทเฮท อาร์ ดีเจท จำกัด
(1.2) จำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 4 ส่งโจทก์ทั้ง 83 คน ไปทำงานกับจำเลยที่ 1 โดยงานที่ทำมีลักษณะเช่นเดียวกับงานของพนักงานจำเลยที่ 1 ที่ได้จ้างโดยตรง คือ ผลิตชุดคลัตช์รถจักรยานยนต์ ซึ่งทั้งลูกจ้างของจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างตามสัญญาโดยตรงและบรรดาโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างรับเหมาค่าแรงก็ทำ งานผลิตชิ้นงานดังกล่าวเหมือนกัน
(1.3) จำเลยที่ 1 ไม่ได้จัดสวัสดิการให้โจทก์ทั้ง 83 คน ได้รับเหมือนกับพนักงานของจำเลยที่ 1 ที่ได้จ้างโดยตรง
(1.4) พนักงานตรวจแรงงานเคยมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติต่อโจทก์ทั้ง 83 คน และพนักงานที่จำเลยที่ 1 ได้จ้างโดยตรงโดยเสมอภาคกัน ภายใน 30 วัน นับแต่วันมีคำสั่งแต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉย
(1.5) โจทก์ทั้ง 83 คน เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการปฏิบัติไม่เสมอภาคและเลือกปฏิบัติขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมาย คุ้มครองแรงงาน ขอให้ศาลแรงงานพิพากษาบังคับให้จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จ่ายเงินค่าอาหาร ค่าครองชีพ เบี้ยขยัน เงินค่ารถ และเงินโบนัส ย้อนหลังไป 2 ปี พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 15 ทุก 7 วัน จนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์แต่ละคน (จำนวนเงินแต่ละรายการเป็นจำนวนเท่ากับเงินที่จำเลยที่ 1 ได้จ่ายให้แก่ลูกจ้างที่ทำสัญญาจ้างโดยตรง)
(1.6) ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 จ่ายเงินให้กับโจทก์แต่ละคน
มีรายละเอียดคำพิพากษาดังนี้
(1) ลูกจ้างรับเหมาค่าแรงของบริษัทผู้รับเหมาแรงงาน 3 แห่ง จำนวน 83 คน ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัทเอฟ ซี ซี (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 บริษัท ทิตาราม เฮ้าท์วอร์สซิ่ง จำกัด จำเลยที่ 2 บริษัทเอ ทีม วัน อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิส จำกัด จำเลยที่ 3 และบริษัทเฮท อาร์ ดีเจท จำกัด จำเลยที่ 4
(2) โจทก์ทั้ง 83 คนฟ้องว่าโจทก์ทั้งหมดทำงานกับจำเลยที่ 1 โดยลักษณะงานที่ทำมีลักษณะงานเช่นเดียวกับพนักงานของจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้จัดสวัสดิการให้โจทก์ได้รับเหมือนพนักงานของจำเลยที่1 เมื่อโจทก์ไปร้องพนักงานตรวจแรงงาน โดยพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติต่อโจทก์เช่นเดียวกับพนักงานของจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉย โจทก์ประสงค์ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติต่อโจทก์โดยเสมอภาค
(3) โจทก์ทั้ง 83 คน ขอให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันรับผิดชอบต่อโจทก์ ดังนี้ ค่าอาหารเดือนละ 350 บาท ค่าครองชีพเดือนละ 1,200 บาท เบี้ยขยันเดือนละ 560 บาท ค่ารถเดือนละ 300 บาท เงินโบนัสปีละ 6 เดือน เงินทุกรายการให้ชำระย้อนหลัง 2 ปี พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ทุก 7 วัน จนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์แต่ละคน
(4) คดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้ง 4 ต้องร่วมกันจ่ายเงินตามฟ้องให้กับโจทก์แต่ละสำนวนหรือไม่เพียงใด
(5) ศาลได้พิจารณาเจตนารมณ์และบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 โดยเฉพาะอนุมาตรา 7 ที่ว่า “คุ้มครองให้ผู้ทำงานที่มีคุณค่าอย่างเดียวกันได้รับค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการที่เป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ” ประกอบกับมาตรา 11/1 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2551 เป็นต้นมานั้น
(2) ผลการวินิจฉัยของศาลฎีกา: บทลงท้ายจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22326-22404/ 2555
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22326-22404/ 2555 สามารถสรุปโดยย่อได้ความว่า
(2.1) เนื่องจากโจทก์ทั้ง 79 คน (โจทก์ที่ 29 , ที่ 49, ที่ 52 และที่ 54 ขอถอนฟ้อง) ทำงานผลิตชิ้นงานชุดคลัตช์ ซึ่งเป็นงานหลักของจำเลยที่ 1 จึงอยู่ในบังคับของมาตรา 11/1
(2.2) ตามมาตรา 11/1 วรรคสอง บัญญัติให้เฉพาะผู้ประกอบกิจการเท่านั้นที่ต้องดำเนินการให้ลูกจ้างรับเหมา ค่าแรงได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ ดังนั้นให้บริษัท เอฟ ซี ซี (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการที่วิธีจ้างเหมาค่าแรง ต้องรับผิดชอบให้ลูกจ้างที่รับเหมาค่าแรงได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการ ต่างๆทุกรายการ เท่ากับลูกจ้างตามสัญญาจ้างที่ว่าจ้างโดยตรง
ไม่ ว่าจะเป็นโบนัสตามผลประกอบการ ค่าครองชีพ ค่าอาหาร เบี้ยขยัน และค่ารถ ในอัตราที่เท่ากันกับลูกจ้างตามสัญญาจ้างโดยตรงของบริษัท เอฟ ซี ซี (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับ เพราะเป็นสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่กิจการที่ใช้วิธีการเหมาค่าแรง ต้องดูแลให้ลูกจ้างรับเหมาค่าแรง ได้เท่ากับลูกจ้างที่บริษัท เอฟ ซี ซี (ไทยแลนด์) จำกัด กิจการที่ใช้วิธีเหมาค่าแรงว่าจ้างมาโดยตรงนั่นเอง ทั้งนี้แม้จำเลยที่ 2-4 จะจัดสวัสดิการให้แล้วก็ตาม แต่ก็ต้องจัดให้ครบหรือเท่ากับที่จำเลยที่ 1 จัดให้ลูกจ้างโดยตรงของจำเลยที่ 1
(2.3) ศาลฎีกาไม่เห็นด้วยกับศาลแรงงานกลาง (มีนบุรี) ที่ให้จำเลยที่ 2-4 ต้องร่วมรับผิดกับบริษัท เอฟ ซี ซี (ไทยแลนด์) จำกัด ในสิทธิประโยชน์และสวัสดิการดังกล่าว เพราะตัวบทกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนว่า "กิจการ ที่ใช้วิธีจ้างเหมาค่าแรง ต้องรับผิดให้ลูกจ้างที่รับเหมาค่าแรงได้สิทธิประโยชน์และสวัสดิการ เท่ากับลูกจ้างตามสัญญาจ้างที่กิจการที่ใช้วิธีจ้างเหมาค่าแรง ว่าจ้างมาเองโดยตรง" ทั้งนี้กฎหมายมาตรา 11/1 วรรคสอง มิได้บัญญัติให้กิจการที่ใช้วิธีจ้างเหมาค่าแรง ต้องร่วมรับผิดกับนายจ้างโดยตรงของลูกจ้างผู้รับเหมาค่าแรง ดังนั้นศาลฎีกาจึงให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2-4 ไม่ต้องไปร่วมรับผิดในสิทธิประโยชน์และสวัสดิการกับจำเลยที่ 1
ทั้ง นี้เพราะจำเลยที่ 2-4 ซึ่งเป็นนายจ้างโดยตรงของโจทก์ทั้ง 79 คน เป็นเพียงผู้ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 1 ให้จัดหาโจทก์ทำงานในกระบวนการผลิตของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย เพราะไม่ใช่ผู้ประกอบกิจการ เป็นเพียงนายจ้างโดยตรงของโจทก์ที่เป็นลูกจ้างเหมาค่าแรง
(2.4) สภาพการจ้างต่างๆที่กิจการที่ใช้วิธีการเหมาค่าแรงได้ให้แก่ลูกจ้างโดยตรง นั้น แม้ลูกจ้างรับเหมาค่าแรงไม่ได้ลงชื่อในข้อเรียกร้อง ไม่ได้มีส่วนในการเลือกผู้แทนในการเจรจาต่อรอง ไม่ได้เป็นผู้ทำข้อตกลงใดๆกับบริษัท เอฟ ซี ซี (ไทยแลนด์) จำกัด แต่ถ้าสิ่งที่ลูกจ้างตามสัญญาจ้างโดยตรงได้รับอยู่นั้น เป็นสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่กิจการที่ใช้วิธีการจ้างเหมาค่าแรงได้ให้ แก่ลูกจ้างของตน ไม่ว่าจะได้จากการทำข้อตกลง ข้อบังคับ ระเบียบ หรือสัญญาจ้างก็ตาม กิจการที่ใช้วิธีการจ้างเหมาค่าแรง ก็มีหน้าที่ต้องจัดการให้ลูกจ้างรับเหมาค่าแรงได้เท่ากัน ในหลักเกณฑ์ เงื่อนไขเดียวกันกับลูกจ้างตามสัญญาจ้างของตน
(2.5) อย่างไรก็ตามเนื่องจากใช้มาตรฐานในการจ่ายสิทธิประโยชน์และสวัสดิการเดียว กับลูกจ้างโดยตรงของจำเลยที่ 1 แต่เนื่องจากศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงไม่เพียงพอให้ศาลฎีกาใช้ในการ วินิจฉัยข้อกฎหมายตามมาตรา 11/1 ได้ในหลายประการ ดังนั้นศาลฎีกาจึงให้ศาลแรงงานฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเพิ่มเติมในวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 56 วรรคสอง ให้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงข้างต้นเพิ่มเติมให้ครบถ้วน แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ได้แก่
มีรายละเอียดคำพิพากษาดังนี้
อ่านต่อจนจบได้ที่นี่ครับ : เอกสารประกอบด้วย
(1) ที่มาที่ไปของคำพิพากษา : จุดเริ่มต้นจากคดีหมายเลขแดงที่ มบ.209,227 – 229, 272 – 350/2553 (หน้า 1-4)
(2) ผลการวินิจฉัยของศาลฎีกา :บทลงท้ายจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22326-22404/ 2555 (หน้า 5-12)
(3) แนวโน้มการจ้างงานในอนาคตหลังมีคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับนี้ : ภาพสะท้อนความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 11/1 (หน้า 13-15)
click : http://thanaiphorn.com/files/deka_22326.pdf
click อ่านได้ที่นี่...
อ่านข่าวแรงงาน CLICK ที่นี่...
อ่านข่าว click ที่นี่...
อ่านข่าวมติชน click ที่นี่...
อ่านรายชื่อได้ที่นี่...
ผ่อนรถไม่ไหว อยากจะคืนรถทำอย่างไร ทนายพรนารายณ์ ทุยยะค่าย 6 มีค. 67 &nb...
CLICK ที่นี่...
ค้นหากดที่นี่...
CLICK ที่นี่...